ชาติไทย-เพื่อแผ่นดินถอย รอดูใบแดง หลัง "สดศรี" แถลง มีแน่ 3 มกราคม กระทบรัฐบาลแต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนขั้ว กกต.ชี้แจก "ซีดี แม้ว" ผิดฐานให้ทรัพย์สิน ชท.ต่อรองขอ 7 เก้าอี้ รมต.คุมด้านสังคม "อภิสิทธิ์" ยังรอลุ้น 4 มกราคม "ทักษิณ" เล็งวาง "มิ่งขวัญ" เรียกศรัทธาคนเมืองหลวง
หลังผ่านการเลือกตั้งเข้าสู่วันที่6 มีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลว่าพรรคพลังประชาชนจับมือกับ 5 พรรคการเมืองแล้ว ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันว่าจะรอถึงวันที่ 4 มกราคม พร้อมจะจัดตั้งรัฐบาลหากพรรคพลังประชาชนทำไม่สำเร็จ ด้าน กกต.สดศรี ระบุว่าวันที่ 3 มกราคม การพิจารณาใบเหลืองใบแดงอาจกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้
นางสดศรีสัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนที่ส่งเข้ามานั้น การที่ กกต.จะพิจารณาสำนวนต่างๆ ได้ จะต้องมีการชงเรื่องมาจากเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน แต่ที่ผ่านมาฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่ชงเรื่องมามีมติให้ยกคำร้อง หรืองดการสืบสวนสอบสวนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ กกต.ลำบากใจ แม้เห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอแต่ก็ควรสอบเพิ่มเติม ซึ่งตนเชื่อว่าสำนวนที่หลุดไปเยอะแบบนี้คงเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ชงหลักฐานอ่อนเกินไปทำให้หลักฐานไม่ดีจนต้องยกคำร้อง
"ฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่ส่งเรื่องมาส่วนใหญ่ยกคำร้องทั้งนั้นแต่เราก็ส่งสอบเพิ่มเติม มันง่ายเกินไปที่สอบพยานเพียงปากสองปากแล้วบอกว่ายกคำร้อง อย่างไรก็ดี เรามีการร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อยู่ ซึ่งคดีของนายยงยุทธ (ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน) ที่ กกต.เรียกมาชี้แจง ก็เป็นเพราะผลงานการสืบสวนสอบสวนของ สตช. เพราะเขาสืบสวนสอบสวนได้ละเอียดมาก" นางสดศรี กล่าวและว่า ที่ตนพูดว่าจะยุบองค์กรนั้น เป็นเพราะเห็นว่าฝ่ายสืบสวนสอบสวนของเราไม่แข็งแรง ควรต้องพิจารณาตัวเอง ซึ่งที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งระดับชาติเท่านั้น แต่ระดับท้องถิ่นก็เป็นแบบนี้
นางสดศรีระบุด้วยว่า ภายในวันที่ 3 มกราคม จะได้เห็นใบเหลืองใบแดงแน่ แต่ก็คงไม่ถึงสิบๆ ใบ แต่ในวันนั้นคงรู้แน่ว่ามีกี่ใบ ทั้งนี้ ผลของใบแดงที่ออกมาอาจจะกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ แต่พรรคการเมืองก็สามารถจับขั้วกันได้อยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการกระทำของพรรคการเมืองเองว่ามีการกระทำทุจริตหรือไม่ หากไม่มีปัญหาการซื้อเสียง ก็คงไม่มีปัญหาจับขั้วไปได้เลย
ทั้งนี้ก่อนการเข้าห้องประชุม นางสดศรีปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์รายละเอียดที่เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ให้ไปถามนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เผื่อจะหลุดคำอะไรออกมาให้ได้ยินอีก
กกต.ชี้แจกวีซีดี"ทักษิณ" ผิดนายประพันธ์นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีว่าที่ ส.ส.หรือผู้สมัครแจกวีซีดีหาเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า "การพิจารณาเราพิจารณาในแง่การแจกทรัพย์สินไม่ใช่เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ หากเป็นซีดีที่เป็นการแนะนำตัวผู้สมัครก็ไม่เป็นไร ถือเป็นเอกสารหาเสียง แต่ซีดีที่เอามาแจก เป็นซีดีที่พูดถึงอดีตนายกฯ เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับผู้สมัคร ซึ่งตัวแผ่นก็ถือเป็นทรัพย์สินที่นำมาแจก เราพิจารณาในประเด็นนี้"
อย่างไรก็ตามตั้งเป้าว่าจะประกาศผลรับรอง ส.ส.ชุดแรกในวันที่ 4 มกราคม แต่ถ้าเร็วที่สุดก็อยากประกาศได้ภายในวันที่ 3 มกราคม ซึ่งต้องรอการสอบสวนก่อนว่าทั้งหมดแล้วจะมีจำนวนกี่คน ส่วนผู้สมัครที่ไม่มีข้อร้องเรียนและสามารถประกาศได้เลยนั้น ส่วนการประกาศผลจะทยอยประกาศแทนการประกาศพร้อมกันเป็นกลุ่ม แต่อยากจะทำให้เสร็จก่อนเป็นวันที่ 3 มกราคม และชุดสุดท้ายต้องดูว่าอาจประกาศรับรองคุณสมบัติก่อนช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาล และหากมีรัฐบาลแล้วเกิดมีการทุจริตก็สอยทีหลังได้
ส่วนเรื่องร้องเรียนที่จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะประธาน กกต.บุรีรัมย์ เดินทางมาชี้แจงข้อมูลสำนวนทุจริตในจังหวัดและ กกต.มีมติรับเรื่องร้องคัดค้าน และให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนทำสำนวนส่งขึ้นมาพิจารณาทุกเรื่องที่ประธาน กกต.ยื่นเรื่องมา ส่วนจะมีความผิดชัดเจนหรือไม่ ยังไม่มีประเด็นพิจารณาถึงขนาดนั้น ซึ่งสำนวนที่ส่งมาประธาน กกต.ได้สรุปเสนอมาทั้งหมดว่ามีสำนวนที่สอบสวนกี่สำนวน และมีคนหรือผู้สมัครหรือว่าที่ ส.ส.กี่คนที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และมีความผิดอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้จะมีการระงับการประกาศรับรองว่าที่ ส.ส.ทุกเขต ตามที่ประธาน กกต.บุรีรัมย์ เสนอหรือไม่ ต้องขอพิจารณาตามข้อเท็จจริงก่อน หากปรากฏว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตก็สั่งเลือกตั้งใหม่ได้ แต่ต้องดูตามข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งฝ่ายสืบสวนยังไม่เสนอมา
"วรวัจน์" ขู่ กกต.แจกใบแดง เจอฟ้องศาล
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่ถูกกล่าวหาทุจริตเลือกตั้งทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงต่อ กกต. อาทิ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นางปานหทัย เสรีรักษ์ และนายนิยม วิวรรธนดิฐกุล ว่าที่ ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน ได้เข้าพบ กกต.เพื่อชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาว่าแจกซีดีระหว่างการปราศรัยและแจกงิน
นายวรวัจน์กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงต่อ กกต.ว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้แจกซีดีและไม่ได้กระทำการใดๆ ตามที่ถูกกล่าวหาและไม่เข้าใจว่าข่าวดังกล่าวออกมาได้อย่างไร ตนจะนำพยานบุคคลจำนวน 10 คน มาให้ปากคำต่อ กกต. อย่างไรก็ตาม หากกรณีนี้ กกต.พิจารณาให้ได้รับใบแดง ตนจะฟ้องศาลจนถึงที่สุด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เสียหาย
ด้านน.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาวของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.เขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน เข้าชี้แจง กกต.ว่า นายยงยุทธไม่สามารถเดินทางมาชี้แจงต่อ กกต.ได้ เนื่องจากติดภารกิจต่างประเทศ และจะเดินทางมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาวันที่ 8 มกราคม
ชท.-พผ.ลังเลร่วมรัฐบาลรอดูใบแดง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกัน หลังจากที่นางสดศรี กกต.ระบุว่าการพิจารณาใบเหลืองใบแดง ในวันที่ 3 มกราคม อาจมีผลเปลี่ยนแปลงกับรัฐบาล ทำให้แกนนำพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินที่เดิมนั้นมีความชัดเจนเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ซึ่ง 2 พรรคจะนัดหารือเพื่อแถลงอย่างเป็นทางการวันที่ 2 มกราคม ก็เลื่อนที่จะแสดงความชัดเจนออกไป โดยต่างระบุว่ารอให้ใบเหลืองใบแดงชัดเจนเสียก่อน
โดยแกนนำพรรคพลังประชาชนรวมตัวกันไปพบนายบรรหารศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนายวัฒนา อัศวเหม แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินนั้น คนใกล้ชิดนายวัฒนาเปิดเผยว่า แกนนำพรรคพลังประชาชนมาชวนให้ร่วมรัฐบาล แต่นายวัฒนายังไม่ตอบรับ โดยบอกไปว่าขอรอความชัดเจนเรื่องใบเหลืองใบแดงจาก กกต.เสียก่อน ซึ่งนายบรรหารก็ตอบแบบนี้เช่นเดียวกัน
รายงานข่าวแจ้งว่าเป็นเพราะข้อมูลวงในของทั้งสองพรรคประเมินว่าใบแดงน่าจะมีมากและพรรคที่จะโดนมากที่สุดคือ พรรคพลังประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ จ.เชียงราย อุดรธานี บุรีรัมย์ และยังมองด้วยว่าแกนนำพรรคพลังประชาชนบางคนจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง เนื่องจากมีข่าวแจกเงิน
พปช.ทาบ"บรรหาร" ร่วมรัฐบาลที่ รพ.
เมื่อเวลา13.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม นายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชายของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะรองเลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวว่าเบื้องต้นทราบว่าผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชาชนได้เชิญพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมรัฐบาล และทราบว่าพรรคเพื่อแผ่นดินตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว ส่วนพรรคชาติไทยก็ตอบรับไปแล้วเช่นกัน แต่อย่างไม่เป็นทางการ
"อาจจะสับสนเล็กน้อย เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งพรรคชาติไทยและเพื่อแผ่นดินเคยประกาศว่าจะไปไหนไปด้วยกัน แต่เมื่อพรรคพลังประชาชนเชิญเข้าร่วมรัฐบาลกลับแยกกันเชิญ จึงแถลงร่วมอย่างเป็นทางการไม่ได้ในเบื้องต้น แต่ละพรรคจึงต้องตอบรับอย่างไม่เป็นทางการไปก่อน และหลังจากที่แกนนำทั้งสองพรรคได้หารือกัน ก็จะแถลงอย่างเป็นทางการให้สาธารณชนรับทราบภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งยืนยันว่าตอนนี้ทั้งสองพรรคตอบร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนไปแล้วอย่างไม่เป็นทางการ" นายวราวุธ กล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา15.00 น. นายวราวุธได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ขณะนี้มีข่าวสับสน แต่ขอยืนยันว่าทั้งสองพรรคไปไหนไปด้วยกัน ถ้าพรรคเพื่อแผ่นดินไป เราก็ไป จึงต้องรอฟังข่าวร่วมกันว่าจะเอาอย่างไร เพราะเราประกาศมาตลอดว่า เราไปไหนจะไปด้วยกัน ดังนั้น ต้องรอแกนนำทั้งสองพรรคมาหารือกันอีกครั้งในวันที่ 2 มกราคม ที่บ้านนายวัฒนา อัศวเหม "แกนนำพรรคพลังประชาชนมาเชิญพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาลหลังการมาเยี่ยมคุณพ่อเมื่อคืน คุณพ่อก็บอกว่าเชิญเราพรรคเดียวไม่ได้ ต้องเชิญพรรคเพื่อแผ่นดินด้วย เพราะเราประกาศจับมือกันมาตลอดตั้งแต่ต้น พอเช้าวันนี้ทราบว่าพลังประชาชนไปเชิญพรรคเพื่อแผ่นดิน ส่วนตัวคาดว่าก็น่าจะโอเค ไม่น่ามีปัญหาอะไร" นายวราวุธ กล่าว
ชท.เผยรอคำตอบพผ.ก่อนตัดสินใจ
ก่อนหน้าที่นายวราวุธยอมรับว่า พรรคชาติไทยตอบตกลงเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนนั้น มีการแจ้งผู้สื่อข่าวว่านายบรรหารจะแถลงข่าวเวลา 14.00 น. แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเข้ามาที่ทำการพรรคชาติไทย
เมื่อสอบถามไปยังนายวราวุธได้แจ้งว่า นายบรรหารเดินทางไป จ.สุพรรณบุรีแล้ว ยังไม่มีการแถลงข่าวใดๆ ทั้งสิ้น คงต้องรอความชัดเจนจากพรรคเพื่อแผ่นดินว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ หลังจากที่พรรคพลังประชาชนเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาล
ด้านนายสมศักดิ์ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ตอนนี้แกนนำพรรคทุกคนกำลังรอพรรคเพื่อแผ่นดินว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งหากพรรคแผ่นดินแถลงก็จะหารือกับแกนนำพรรคอีกครั้ง เพื่อประเมินสถานการณ์ แต่ตอนนี้พรรคชาติไทยยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่
"เติ้ง" ดอดหนีออกจาก รพ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายบรรหารออกจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งแต่เวลา 07.00 น.วันที่ 29 ธันวาคม ภายหลังจากช่วงค่ำวันที่ 28 ธันวาคม บรรดาแกนนำพรรคพลังประชาชนไปเยี่ยมอาการของนายบรรหาร อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นน้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล
บรรยากาศเมื่อวันที่28 ธันวาคม นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน แถลงข่าวด้วยท่าทีฉุนเฉียวต่อ 5 ข้อเสนอในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งมุ่งโจมตีไปที่นายบรรหาร ว่าสั่งสอนตนให้จงรักภักดีต่อสถาบันทั้งที่ตนเองได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงกว่านายบรรหาร
ชท.ต่อรอง7 เก้าอี้ร่วมรัฐบาล
รายงานข่าวว่าตอนช่วงเย็นนายบรรหารมาร่วมรับประทานอาหารกับแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ย่านเพลินจิต เพื่อหารือเรื่องของตำแหน่งโควตารัฐมนตรีกับพรรคเพื่อแผ่นดิน และประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในเรื่องใบเหลืองใบแดงด้วย
แหล่งข่าวระดับแกนนำพรรคชาติไทยเปิดเผยว่า โควตารัฐมนตรีที่พรรคชาติไทยเสนอพรรคพลังประชาชน ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการ 4 กระทรวง คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย 2.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย 3.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรคชาติไทย 4.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา สำหรับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา แกนนำพรรคชาติไทย
นอกจากนี้เสนอขอเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย
ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการ3 เก้าอี้ ได้แก่ 1.รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรฯ สำหรับนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย 2.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการสำหรับนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย และ 3.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมสำหรับนายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่ากระทรวงที่พรรคชาติไทยยื่นเสนอขอไปนั้น เป็นกระทรวงที่ดูแลงานด้านสังคม
พปช.เข้าบ้าน"วัฒนา"ทาบร่วมรัฐบาล
เมื่อเวลา11.00 น. แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน นำโดยนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค นายวัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการพรรค นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ ประธานภาค กทม. นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายสุชาติ ตันเจริญ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี อดีตกรรมการสภานโยบายและยุทธศาสตร์ มาต้อนรับตัวแทนพรรคพลังประชาชน ได้แก่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองเลขาธิการพรรค ที่มาเทียบเชิญให้พรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
นายสมชายกล่าวว่า ในนามพรรคพลังประชาชนมาเพื่อเรียนเชิญพรรคเพื่อแผ่นดินร่วมรัฐบาล ซึ่งจากการพูดคุยกัน เชื่อว่าจะมีข่าวดีเกิดขึ้น แต่ควรให้โอกาสพรรคเพื่อแผ่นดินหารือกับพรรคชาติไทยก่อน ซึ่งวันที่ 4 มกราคม ยังไม่ถือว่าช้าเกินไป
"เงื่อนไข 5 ข้อ ผมยืนยันว่าไม่ได้นำมาหารือกัน สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นก็ไม่ได้ลงลึกขนาดนั้น แต่จากนี้ก็ต้องมีการคุยกันต่อเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งนายวัฒนาได้บอกว่าหลักเกณฑ์ที่สำคัญ คือ หากร่วมกันแล้วประเทศชาติสงบ การเมืองมั่นคงก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ซึ่งการพูดคุยกันในวันนี้ ก็ล้วนแต่เป็นระดับแกนนำที่พรรคมอบหมาย เราคุยกันในเรื่องสร้างสรรค์จึงไม่ต้องนำกลับไปหารืออีก" นายสมชาย กล่าว
มั่นใจตั้งรัฐบาล315 เสียง
ขณะที่พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดินยังยืนยันในปฏิญญากับพรรคชาติไทย ว่าไปไหนก็จะไปด้วยกัน ส่วนกรณีที่นายสมัคร ออกมาตอบโต้ข้อเสนอของทั้งสองพรรคอย่างรุนแรงนั้น ไม่ถือว่าเป็นการพูดแรง ซึ่งเชื่อว่าเป็นใครก็ต้องมีอารมณ์ อย่างตนได้ยินครั้งแรกก็มีอารมณ์เช่นเดียวกัน แต่ยืนยันว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการร่วมรัฐบาล และเชื่อว่าจัดตั้งรัฐบาล 315 เสียงแน่นอน
ด้านนายสุวิทย์กล่าวหลังหารือกับแกนนำพรรคพลังประชาชน ว่าจะนำเรื่องพรรคพลังประชาชนเชิญพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมรัฐบาล ไปหารือกับกรรมการบริหารพรรคและปรึกษากับพรรคชาติไทย ว่าจะเอาอย่างไร ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้บ้านเมืองเรียบร้อยเดินหน้าต่อไป
นายวัฒนากล่าวว่า การที่นายสมชาย ประกาศจะมีข่าวดีหลังเข้าเชิญพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมรัฐบาล ว่าอาจเป็นข่าวดีที่พรรคพลังประชาชนตั้งรัฐบาล 254 เสียงก็ได้ ซึ่งต้องรอความชัดเจนวันที่ 4 มกราคมก่อน ส่วนตัวอยู่ในการเมืองมา 30 ปี พร้อมที่จะเป็นทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล
นายรณฤทธิชัยคานเขต ว่าที่ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มบ้านริมน้ำ กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดินจะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ และจะไม่มีการเกิดกรณีงูเห่าภาค 2 ขึ้นภายในพรรคอย่างแน่นอน เพราะ ส.ส.อีสานของพรรคอยากทำงานกับพรรคพลังประชาชนไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ และการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จ.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ได้แข่งกับพรรคพลังประชาชน แต่แข่งกับพรรคประชาธิปัตย์
เย้ย"เทพเทือก"ไม่ต้องกังวลตั้งรัฐบาล
ร.ท.กุเทพใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวถึงข้อเสนอเงื่อนไข 5 ข้อ ของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินนั้น เท่าที่ผู้ใหญ่ในพรรคคุยกัน และมีแถลงการณ์ออกไป ก็ระบุชัดว่า 5 ข้อนั้นไม่ใช่เงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ มองว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่ดึงเอาสถาบันเบื้องสูงมาข้องเกี่ยวกับการเมือง และขอย้ำว่านายสมัคร มีความจงรักภักดีมากกว่านายบรรหาร
ส่วนกรณีที่นายสมัครตอบโต้นายบรรหารค่อนข้างรุนแรงจะมีปัญหาในการทำงานร่วมกันนั้น ร.ท.กุเทพ ตอบว่าสิ่งต่างๆ ที่สองพรรคเคยพูดและทำไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นเรื่องที่สองพรรคดังกล่าวต้องไปตอบกับสังคมเอาเอง อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป ขอให้ไปเตรียมตัวทำหน้าที่ฝ่ายค้าน