แจกวีซีดีแม้ว ถือเป็นความผิด สดศรีเผย 3 ม.ค.เห็นใบแดง

กกต.มีมติรับเรื่องสอบกรณีว่าที่ ส.ส. แจก"วีซีดีแม้ว"ถือเป็นการแจกทรัพย์สินเพื่อจูงใจ

ระบุหากเป็นวีซีดีการแนะนำตัวผู้สมัครไม่เป็นไรเพราะถือเป็นเอกสารหาเสียง "สดศรี"เผยภายใน 3 ม.ค.จะได้เห็นใบเหลือง-ใบแดงแน่ แต่ก็คงไม่ถึงสิบๆใบ

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.บริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่ ว่าที่ ส.ส.หรือผู้สมัคร แจกซีดีทักษิณในพื้นที่ทั่วไป ว่า กกต.มีมติรับเรื่องสอบกรณีว่าที่ ส.ส. แจกซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ยังไม่พิจารณาถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง โดยตรง กกต.จะพิจารณาเฉพาะเรื่องการแจกซีดีที่เป็นทรัพย์สินมาแจกเพื่อจูงใจเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นความผิด

“การพิจารณาเราพิจารณาในแง่การแจกทรัพย์สิน ไม่ใช่เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ หากเป็นซีดีที่เป็นการแนะนำตัวผู้สมัครก็ไม่เป็นไร ถือเป็นเอกสารหาเสียง แต่ซีดีที่เอามาแจก เป็นซีดีที่พูดถึงอดีตนายกฯ เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับผู้สมัคร ซึ่งตัวแผ่นก็ถือเป็นทรพัย์สินที่นำมาแจก เราพิจารณาในประเด็นนี้”

นายประพันธ์ กล่าวถึงการประกาศรับรอง ว่าที่ ส.ส. ว่า วันนี้ ที่ประชุมจะพิจารณา อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าสำนวนที่ร้องเรียนทั่วประเทศมีจำนวนเท่าใด เพราะตั้งเป้าว่าจะประกาศผลล็อตแรกในวันที่ 4 มกราคมนี้ แต่ถ้าเร็วที่สุดก็อยากประกาศในได้ภายในวันพฤหัสที่ 3 มกราคม ซึ่งต้องรอการสอบสวนก่อนว่าทั้งหมดแล้วจะมีจำนวนกี่คน ส่วนผู้สมัครที่ไม่มีข้อร้องเรียนและสามารถประกาศได้เลยนั้น ขณะนี้ฝ่ายบริหารการเลือกตั้ง อยุ่ระหว่างรวบรวบข้อมูล ส่วนมากที่คาดว่าจะประกาศได้ก่อนคือผู้สมัครส.ส.แบบสัดส่วน เพราะจะมีเรื่องร้องเรียนน้อย ส่วนการประกาศผลจะทยอยประกาศแทนการประกาศพร้อมกันเป็นกลุ่ม

นายประพันธ์ กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนที่บุรีรัมย์ ว่าเมื่อวานนี้นายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานกกต.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เดินทางชี้แจงข้อมูลสำนวนทุจริจในจังหวัด และกกต.มีมติรับเรื่องร้องคัดค้าน และให้ฝ่ายสืบสวนสอบทำสำนวนส่งขึ้นมาพิจารณาทุกเรื่องที่ประธานกกต.ยื่นเรื่องมา ส่วนจะมีความผิดชัดเจนหรือไม่ ยังไม่มีประเด็นพิจารณาถึงขนาดนั้น และสำนวนที่ส่งมาประธานกกต.ได้สรุปเสนอมาทั้งหมดว่า มีสำนวนที่สอบสวนกี่สำนวน และมีคนหรือผู้สมัครหรือว่าที่ส.ส.กี่คนที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และมีความผิดอย่างไรบ้าง แต่กกต.ต้องขอดูพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อน

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีที่ประธานกกต.จังหวัดเสนอให้ระงับการประกาศรับรองว่าที่ส.ส.ทุกเขต ในจังหวัดบุรีรัมย์ นายประพันธ์ กล่าวว่า ต้องขอพิจารณาตามข้อเท็จจริงก่อน หากปรากฎว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตก็งดประกาศผล ก็สั่งเลือกตั้งใหม่ได้ แต่ต้องดูตามข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งฝ่ายสืบสวนยังไม่เสนอมา

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรอบเวลา ที่ต้องพิจารณา ชุดแรก ไม่เกิน 4 ม.ค.51 แต่อยากจะทำให้เสร็จก่อนเป็นวันที่ 3 มกราคม และคิดว่าว่าส.ส.แบบสัดส่วน จะสามารถประกาศได้ก่อนแบบแบ่งเขต เนื่องจากไม่ค่อยมีเรื่องร้องเรียนเข้ามามาก ซึ่งการประกาศกกต.จะทยอยประกาศไปเรื่อยๆ และล็อตสุดท้ายต้องดูว่า อาจประกาศรับรองคุณสมบัติให้ก่อนช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาล และหากมีรัฐบาลแล้ว เกิดมีการทุจริต ก็สอยที่หลังได้

"สดศรี" เผยได้เห็นเหลือง-แดงแน่ แต่ไม่มีเป็นสิบๆใบ 

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีความขัดแย้งภายใน กกต. ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ความคิดและดุลพินิจของบุคคลแตกต่างกัน แต่ทุกอย่างต้องถือเสียงข้างมากจะถืออัตตาเป็นเอกเทศไม่ได้ ส่วนการพิจารณาสำนวนที่ส่งเข้ามานั้น การที่ กกต.จะพิจารณาสำนวนต่างๆ ได้ จะต้องมีการชงเรื่องมาจากเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน แต่ที่ผ่านมาฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่ชงเรื่องมามีมติให้ยกคำร้อง หรืองดการสืบสวนสอบสวนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ กกต.ลำบากใจ แม้เห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอแต่ก็ควรสอบเพิ่มเติม ซึ่งตนเชื่อว่าสำนวนที่หลุดไปเยอะแบบนี้คงเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ชงหลักฐานอ่อนเกินไปทำให้หลักฐานไม่ดีจนต้องยกคำร้อง

“ฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่ส่งเรื่องมาส่วนใหญ่ก็ยกคำร้องทั้งนั้น แต่เราก็ส่งสอบเพิ่มเติม มันง่ายเกินไปที่สอบพยานเพียงปากสองปากแล้วบอกว่ายกคำร้อง อย่างไรก็ดี เรามีการร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อยู่ ซึ่งคดีของนายยงยุทธ (ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน) ที่ กกต.เรียกมาชี้แจง ก็เป็นเพราะผลงานการสืบสวนสอบสวนของ สตช. เพราะเขาสืบสวนสอบสวนได้ละเอียดมาก” นางสดศรี กล่าว และว่า ส่วนที่ตนพูดว่าจะยุบองค์กรนั้น เป็นเพราะเห็นว่าฝ่ายสืบสวนสอบสวนของเราไม่แข็งแรง ควรต้องพิจารณาตัวเอง ซึงที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งระดับชาติเท่านั้น แต่ระดับท้องถิ่นก็เป็นแบบนี้

นางสดศรี กล่าวว่า ภายในวันที่ 3 ม.ค.จะได้เห็นใบเหลือง ใบแดงแน่ แต่ก็คงไม่ถึงสิบๆ ใบ แต่ในวันนั้นคงรู้แน่ว่ามีกี่ใบ ทั้งนี้ ผลของใบแดงที่ออกมาอาจจะกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ แต่พรรคการเมืองก็สามารถจับขั้วกันได้อยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการกระทำของพรรคการเมืองเองว่ามีการกระทำทุจริตหรือไม่ หากไม่มีปัญหาการซื้อเสียง ก็คงไม่มีปัญหาจับขั้วไปได้เลย

"ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" ร้องศาลฎีกาขอเลือกตั้งใหม่

29 ธ.ค. 50 -นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ตนได้ไปยื่นฟ้อง คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน พรรคพลังประชาชน และนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชาชน ต่อศาลฏีกา เนื่องจากรัฐธรรมนูญ ปี 50 มาตรา219 (3) กำหนดเป็นอำนาจหน้าที่ศาลฏีกา มีอำนาจวินิฉัยคดีเกี่ยวกับเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว. โดยตนได้ยื่นให้ศาลฏีกาวินิจฉัย 4 ข้อ คือ

1.ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า พรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย ไม่มีสิทธิ์ ส่งส.ส.ในนามพรรคพลังประชาชน ทั้งส.ส.สัดส่วน และเขต ให้ถือว่าเป็นโมฆะ หรือไม่เป็นผลทางกฎหมาย 2.มีคำสั่งให้นายสมัคร เป็นนอมินี หรือเป็นตัวแทนของหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่มีสิทธิ์ลงนามส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง และการลงนามส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นโมฆะ

3.ให้มีคำพิพากษาว่า การเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้า ตลอดจนการเอาบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าไปรวมนับคะแนนเสียง โดยให้เพิกถอนการนับคะแนน เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ทั้งหมด และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ 4. ให้มีคำพิพากษาว่า การแจกซีดีให้กับประชาชนเป็นการผิดกฎหมาย ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม และห้ามมิให้ กกต.ประกาศรับรองผลทั่วประเทศ หรือ เพิกถอนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของผู้สมัครพรรคพลังประชาชน

“พรรคพลังประชาชนเป็นพรรคนอมินี ไม่มีสิทธิดำเนินการทางการเมืองทั้งสิ้น ซึ่ง กกต. 5 ท่าน มีหน้าที่ยับยั้ง แต่กลับไม่ยับยั้ง ผมจึงขอบารมีศาลฏีกา ให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน สั่งมิให้ กกต. รับรองผล ผมต้องพึ่งตุลการให้ชี้ขาด เพราะหาก กกต.รับรองผลเลือกตั้ง เรื่องต่างๆ ก็จะบานปลายใหญ่โต ทั้งนี้ศาลฏีกานัดไต่สวนในเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ม.ค. ” นายไชยวัฒน์ กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์