สดศรี ยันไม่เคยพบส่วนตัว คมช.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกระแสข่าวที่ กกต.ทั้ง 5 คน เข้าพบ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข รักษาการประธานคมช. ว่า ที่ผ่านมา  คมช.ไม่เคยมายุ่งเรื่องนี้ อีกทั้งก็ไม่เคยพบกับ  คมช.เป็นการส่วนตัว ที่ผ่านมาก็เคยประสานงานกับทางกองทัพ  เพียงแค่ขอกำลังทหารมาช่วยในช่วงเลือกตั้งเท่านั้น   นอกเหนือจากนั้นไม่เคยมีการติดต่อ และหลังการเลือกตั้งก็ไม่เคยติดต่ออีก รวมทั้งไม่เคยราย-งานผลการเลือกตั้งให้  คมช.รับทราบแต่อย่างใด  

นางสดศรีกล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงว่า

ขอเวลาให้ กกต.ทำงานหน่อย ยืนยันว่าเราคงไม่อิงการเมือง หน้าที่ของ  กกต.คือรีบวินิจฉัยข้อร้องเรียนทั้งหมด ส่วนใหญ่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนได้ เสนอให้ยกคำร้อง เพราะเห็นว่าเรื่องไม่มีมูล กกต.ก็ไม่ มองว่าจำเป็นต้องทำตามเจ้าหน้าที่ และหลายเรื่องก็ได้ส่งกลับให้ไปสอบสวนเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีหลายเรื่องที่ กกต.ได้มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหา จำเป็นต้องลงไปตรวจสอบเรื่องที่ไม่ได้ยื่นเข้ามาว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร สำหรับสำนวนกว่า 30 เรื่องที่เหลือที่เสนอเข้ามาให้พิจารณานั้นก็เป็นกลุ่มที่ได้รับเลือกตั้งหรือเป็นว่าที่ ส.ส. โดย กกต.จะพิจารณาส่วนนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว จากนั้นจะไปพิจารณา กลุ่มที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ถูกร้องเรียนเข้ามาด้วย 

อัดซ้ำเรื่องความเป็นกลางของ  จนท. 

เมื่อถามว่า ได้ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าเหตุใดเจ้า-หน้าที่ส่งสำนวนเข้ามาจึงเสนอให้ยกคำร้อง นางสดศรีตอบว่า อาจจะเป็นเรื่องอิทธิพลในท้องถิ่นเป็นเรื่องสำคัญ เรากำลังดูว่าเจ้าหน้าที่  กกต.ในพื้นที่เป็นกลางหรือไม่ โดยเราจะพิจารณาการทำงานของเจ้าหน้าที่ กกต.ทั้งส่วน กลางและต่างจังหวัด รวมทั้งต้องพิจารณาว่า การสืบสวนสอบสวนมีประสิทธิภาพหรือไม่ เราเป็นผู้พิพากษามาก่อน สำนวนแค่นี้มองดูก็รู้อะไรเป็นอะไร จุดนี้เป็นจุดสำคัญถ้าหากผู้ที่ชงเรื่องมาแล้วไม่สามารถทำงานได้ ท่านก็ควรพิจารณาตัวเอง

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่งของ กกต.ทั้ง 5 ในช่วงนี้หรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า

การที่จะเปลี่ยนม้ากลางศึก โบราณเขาไม่ทำกัน อันนี้ก็เหมือน กันเราต้องรอหลังจากการพิจารณาสำนวนต่างๆให้เรียบ-ร้อยไปแล้ว เพราะก็มีจุดยืนอย่างหนึ่งว่า กกต.ทั้ง 5 คน ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันในการทำงาน ดังนั้น แต่ละคนจะรู้เรื่องงานของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างดี ดังนั้น งานสืบสวนสอบสวนก็เป็นเรื่องที่ กกต.คนอื่นจะต้องมีสิทธิรับรู้ และสามารถเข้าไปดูแลได้ แม้จะไม่ได้เป็นผู้แลอย่างเป็นทางการก็ตาม