นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมนอกรอบร่วมกับแกนนำของพรรคถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความหวังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า เรื่องนี้ไม่ได้มองที่จะเป็นความหวังหรือความ มั่นใจ เพราะมีกระบวนการของมันอยู่ โดยพรรคพลังประชาชนดำเนินการอยู่ แต่เห็นความไม่พร้อมในหลายจุดจึงรู้สึกเป็นห่วง เพราะท้ายที่สุดไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะได้เป็นรัฐบาล ต้องมีภาระหนักมากโดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมกว่าพรรคพลังประชาชนตรงไหน เมื่อรวมเสียงพรรคเล็กทุกพรรคแล้วเกินครึ่งแค่ 12 เสียง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีปัญหาเพราะในอดีตรัฐบาลผสมมีเสียงลักษณะนี้ยังอยู่ได้นานกว่ารัฐบาลพรรคเดียว ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่รัฐบาลทำงานอย่างไร มีความซื่อสัตย์หรือไม่ และจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคยังไม่นิ่ง ต้องรอการรับรองผลจาก กกต.ก่อน
เมื่อถามว่า ยังยืนยันหรือไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ แล้วพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ตอบว่า
ถ้าพรรคพลังประชาชนตั้ง ไม่ได้ก็เป็นความรับผิดชอบของตนที่จะต้องดำเนินการ ความจริงแล้วคะแนนผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนที่ออกมาปรากฏว่าประชาชนไปลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าพรรคพลังประชาชน ดังนั้นจึงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เหมือนกัน แต่โดยมารยาทต้องให้โอกาสพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลก่อน เพราะได้จำนวนที่นั่ง ส.ส.มากกว่า เมื่อถามว่า มองเห็นเค้าลางความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นทางการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ความไม่เรียบร้อยทางการเมืองมีอยู่เสมอและปัญหาข้างหน้าก็หนัก แต่เรามีความมั่นใจ และเชื่อว่าทุกปัญหาแก้ไขได้ ถ้าไม่เชื่อว่าทุกปัญหาแก้ไขได้ก็เป็นผู้นำไม่ได้ ที่พูดไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างง่าย แต่ตรงกันข้าม เวลานี้ทุกอย่างยาก เพราะความยากเราจึงต้องการคนที่มีความตั้งใจจริง มีความซื่อสัตย์ทุ่มเทให้บ้านเมืองและประชาชน
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคยเสนอแนวคิดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และขณะนี้พรรคพลังประชาชนพร้อมปรองดองกับทุกพรรค
นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขอยืนยันว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าผลการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นอุปสรรคหรือปัญหาต่อการสร้างความปรองดองในชาติเด็ดขาด ถ้าเป็นรัฐบาลก็ให้สิทธิเสรีภาพ และถ้าเป็นฝ่ายค้านก็รับผิดชอบต่อบ้านเมือง แต่ถ้ารัฐบาลประกอบไปทุกพรรคการเมืองแล้ว จะมีปัญหาเรื่องการตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณแถลงที่ฮ่องกงว่าจะหวนคืนการเมืองหลังพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง และพร้อมเดินทางกลับมาสู้คดีนั้น ก็ไม่มีใครขัดข้อง
พ.ต.ท. ทักษิณต้องมีสิทธิเท่าเทียมกับคนไทยคนอื่น แต่ถ้า พ.ต.ท. ทักษิณเลยเถิดจนถึงขั้นพูดชี้นำ ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือจะเข้ามาแทรกแซงกระบวนการทางการเมือง เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและอันตราย ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายวิเคราะห์ไปไกลว่าจะมีการรัฐประหารอีกครั้งนั้น ไม่มีใครต้องการเห็นการรัฐประหาร ดังนั้นขณะนี้นักการเมืองและพรรคการเมืองต้องสำนึกว่าต้องทำงานให้ประชาชนและประเทศชาติ และต้องบอกว่า พ.ต.ท. ทักษิณอย่าพยายามแทรกแซงกระบวนการทางการเมือง