ศาล รธน.ไม่เอกฉันท์2เม.ย.เลือกตั้งมิชิบ ทรท.โอ๋"วาสนา"ปชป.ขู่ฟ้องหมิ่น
ปม "จัดคูหาเลือกตั้ง" ล้มหย่อนบัตร 2 เม.ย. คาดศาลรัฐธรรมนูญลงมติไม่เอกฉันท์ ด้าน ทรท.เห็นใจ วาสนา วอนเปิดใจกว้างรับฟัง "ชิดชัย" ระบุไม่โดนกับตัวไม่รู้ เชียร์ทำงานเพื่อชาติ "ไพจิต" หวั่นชิงไขก๊อก ขณะที่ "แก้วสรร-สุริยะใส" จวกยับ ทำเองอย่ามาอ้างเป็นแพะ
ประเด็นการจัดคูหาเลือกตั้งให้ลงคะแนนเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีแนวโน้มว่าจะลงมติในวันจันทร์นี้ว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
จากการประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 3-4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในการพิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ที่ยื่นให้วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และนัดลงมติคำวินิจฉัยกลางในวันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคมนั้น แหล่งข่าว ระบุว่า คำวินิจฉัยกลางในเรื่องนี้ มติจะไม่เป็นเอกฉันท์ โดยจะมีคะแนนเสียงก้ำกึ่งกัน ชนะกันไม่ขาด อาจจะเป็น 8 ต่อ 6 หรือ 9 ต่อ 5 เสียง เนื่องจากการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา มีความเห็นแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย
มีตุลาการทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาในคำร้อง ที่ระบุว่า การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน มิชอบ ขัดต่อรัฐธรรมนูญใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1.กกต.กำหนดวันเลือกตั้งกระชั้นชิดเกินไปหลังจากมีการยุบสภา 2.กกต.จัดคูหาเลือกตั้งไม่ถูกต้อง ทำให้คนสังเกตเห็นว่าผู้เลือกตั้งกาบัตรลงคะแนนให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งรายใด 3.พรรคการเมืองใหญ่ว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กส่งคนลงสมัครแข่งขัน และ 4.กกต.รับรองผลการเลือกตั้งทางโทรศัพท์ โดยไม่มีการประชุม
"ประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดก็คือ เรื่องการจัดคูหาเลือกตั้ง" แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า ตุลาการฝ่ายที่เห็นว่าการจัดคูหาเลือกตั้งในลักษณะที่ผู้เลือกตั้งจะต้องหันหน้าเข้าคูหาลงคะแนนและหันหลังออกข้างนอกนั้น เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เช่น อบต.และ อบจ. กกต.ก็จัดคูหาเลือกตั้งในลักษณะนี้ อีกทั้งในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ก็จัดคูหาเลือกตั้งแบบนี้เช่นกัน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาแต่ประการใด และเชื่อว่าบุคคลอื่นไม่สามารถสังเกตเห็นว่าผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งรายใด เพราะหากมองมาจากด้านหลัง ก็จะมีตัวของผู้เลือกตั้งบังอยู่
ในขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีกฝ่ายเห็นว่า การจัดคูหาเลือกตั้งในลักษณะดังกล่าว อาจทำให้บุคคลอื่นมองเห็นได้ว่า ผู้เลือกตั้งกาบัตรลงคะแนนให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งรายใด หากมีการใช้กล้องซูมภาพขณะกาบัตรลงคะแนน จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 104 ที่บัญญัติว่า การเลือกตั้งให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยลับ ซึ่งประเด็นการจัดคูหาเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้ขาดในคดีนี้