แก้วสรร-เสรีวอนกกต.ย้อนดูตัวเองอย่าโทษคนอื่น

"แก้วสรร-เสรี"วอนกกต.ย้อนดูตัวเองอย่าโทษคนอื่น

แก้วสรร-เสรี ฉะ กกต. อย่าตะแบงอ้างเป็นแพะบูชายัญ ไล่ทบทวนใครกันแน่ทำชาติพัง ตอกกลับไปส่องกระจก ยังเป็นกลางหรือไม่

(5พค.) นายแก้วสรร อติโพธิ รักษาการส.ว.กทม. กล่าวกรณีพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงข่าวตอบโต้คำวิจารณ์ของฝ่ายต่างๆ และยืนยันว่า กกต.ดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่าง ว่า ที่ผ่านมาสิ่งที่ กกต.ทำไม่ถูกต้องมีหลายเรื่อง ส่วนจะถือว่าเป็นการรับใช้พรรคการเมืองใหญ่หรือไม่ ตนพูดไม่ได้ แต่จะมายืนยันว่า ได้ทำตามกฎหมายทุกอย่างนั้นไม่ถูกต้อง รวมทั้งจะอ้างว่าเป็นแพะบูชายัญ ก็อ้างไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวกัน เป็นคนละเรื่อง ประเด็นคือ กกต.ไม่ได้ทำหน้าที่ตามบทบาทอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายแก้วสรร กล่าวว่า กกต.ทำไม่ถูกตั้งแต่การกำหนดวันเลือกตั้ง ทั้งที่มีอำนาจที่จะบอกรัฐบาลว่า ควรจัดเลือกตั้งวันไหน เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ก็ไม่รับผิดชอบ ตรงกันข้ามกลับทำตามรัฐบาลทุกอย่าง ตนยืนยันว่า กกต. มีอำนาจที่จะโต้แย้งกลับไป รวมทั้งการเปิดโอกาสให้มีการรับสมัครใหม่ ในการเลือกตั้งรอบสอง ซึ่งเรื่องนี้กกต. ก็อธิบายไม่ได้ เพราะขัดแย้งกับแนวปฏิบัติมาโดยตลอด การเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา เปิดให้รับสมัครเพียงครั้งเดียว เป็นเพราะ กกต. ยึดติดว่า กกต.มีหน้าที่หา ส.ส.ให้ครบ 500 คน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ เรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์จะลงสมัครหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ กกต. ไม่สิทธิ์แอนตี้ ไม่ใช่หน้าที่ อย่าไปโทษว่าเขาเป็นต้นเหตุ นอกจากนี้การให้พรรคตุ๊กตาผี หรือพรรคนอมินีของพรรคการเมืองใหญ่ลงสมัคร โดยที่ไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ตนไม่เคยเห็นว่ากกต.จะทุ่มเทการสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง มิหนำซ้ำยังไปรับรองผลการเลือกตั้งให้ด้วย แต่ที่การให้ผู้สมัครไปเวียนเทียน กลับปล่อยให้ทำอย่างโจ๋งครึ่ม แต่พอศาลฎีกามีมติห้าม กกต.ก็รีบประกาศผล

ผมคิดว่ากกต.ทำผิดในหลายเรื่อง ที่ผ่านมามีการตีความว่า มีอำนาจเต็มในการเลือกตั้ง คิดอยากทำอะไรก็ทำได้หมด มิหนำซ้ำยังถือตัวว่า แม้แต่ศาลปกครองก็มาทบทวนคำสั่งของตัวเองไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่ ถ้าผิดก็ต้องตรวจสอบได้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเป็นแพะรับบาป กกต.ไม่ควรออกมาคร่ำครวญต่อสาธารณะ ควรย้อนกลับไปดูการกระทำของตัวเอง ว่าทำอะไรที่ไม่ถูกต้องไว้บ้างนายแก้วสรร กล่าว

ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ รักษาการ ส.ว.กทม. กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า กกต.ต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่า มีหน้าที่ตัดสินใจที่มีผลทำให้เกิดส่วนได้เสีย ถ้าทำไม่ดีก็จะมีปัญหาตามมามากมาย แต่กกต.ชุดนี้ทำอะไรไม่ระมัดระวัง ไม่คำนึงถึงความคิดของสังคม และผลการตัดสินใจของตนเองจะเป็นอย่างไร หลายเรื่องจึงหาเหตุผลมาอธิบายกับประชาชนไม่ได้ ทำให้สังคมมองว่า ไม่มีความเป็นกลาง เช่น การหันคูหาให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เรื่องนี้กกต.ตอบสังคมไม่ได้เลย แม้จะอ้างงานวิจัยของต่างประเทศก็ตาม เพราะต้องดูวัฒนธรรมการเมืองของสังคมไทยเป็นหลัก ว่าประเทศเรามีการใช้สิทธิ์ขายเสียงอย่างรุนแรง รวมทั้งมีการใช้อิทธิพลข่มขู่ให้คนลงคะแนน แต่ต่างประเทศไม่มีสิ่งเหล่านี้ จึงใช้วิธีการเดียวไม่ได้ หรือกรณีที่ข้อกล่าวว่า พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงรับสมัคร เรื่องนี้กกต.ก็ทำให้สับสนไปหมด ไม่กล้าคลี่คลายให้เกิดความชัดเจน โดยเฉพาะประธานกกต. ไปฟังพยานคนหนึ่ง แล้วออกมาบอกกับสังคมว่า มีพรรคใหญ่เก่าแก่พรรคหนึ่ง เป็นฝ่ายจ้างให้ลงเลือกตั้ง การพูดเช่นนี้ทำให้สังคมมีข้อกังขาว่า กกต.มีความเป็นกลางหรือไม่

สถานการณ์ขณะนี้ กกต.ต้องยอมรับว่า ความเชื่อถือจากประชาชนลดลงมาก ขาดความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรง ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ในการทำงานในอนาคต เพราะกกต.เป็นองค์กรตัดสินปัญหา ถ้าตัดสินแล้วเขาไม่เชื่อ จะทำอย่างไร ทางที่ดีกกต.ควรกลับไปทบทวนบทบาทของตัวเอง มากกว่าจะออกมาขอความเห็นใจ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.วาสนา น่าจะเข้าใจได้ดีว่า ถ้าทำถูกต้องก็จะไม่มีคนวิจารณ์มากขนาดนี้ และฟังเสียงที่วิจารณ์ก็ไม่ได้มาจากซีกพรรคการเมือง ที่เป็นฝ่ายเสียประโยชน์ แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นจากประชาชนโดยวงกว้าง วันนี้เข้าขั้นวิกฤตศรัทธาของกกต. อยากให้กรรมการกกต.ทุกคน กลับไปถามตัวเอง จนถึงวันนี้ยังสามารถยืนหยัดในความเป็นกลางได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งต่อไปนายเสรี กล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์