พันธมิตรแนะกกต.กู้ศรัทธา ชี้ขาดคดีจ้างพรรคเล็ก

พันธมิตรฯ ชี้ระบอบทักษิณปล่อย กกต. ลอยแพ เชื่อพฤติกรรมอันธพาลขององค์กรเมืองจะปรากฏออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ไม่ต่างกับ วาสนา แนะ กกต. กู้ศรัทธา ชี้ขาดคดีจ้างพรรคเล็ก และ ทักษิณ ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

(5พค.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องทบทวนบทบาทของตนเองอย่างตรงไปตรงมามากกว่าจะไปกล่าวโทษผู้อื่น เพราะหาก กกต.ทำงานอย่างอิสระจริงๆ ปัญหาจะไม่บานปลายมาขนาดนี้ และหากจำกันได้ในในตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้ง 2 เมษายนนั้น ประธาน กกต.ขานรับทันทีว่าพร้อม ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า กกต.ไม่มีความพร้อม และควรโต้แย้งหรือเสนอความเห็นเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งให้ไกลออกไปแต่กลับทำงานเหมือนสนองรัฐบาลจนเกินไป จนทำให้ทุกอย่างสายเกินแก้

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กกต.มีทางเลือกและทางออกอื่นๆ หลายทางเพื่อคลี่คลายวิกฤติการณ์แต่ กกต. ก็ไม่ได้เลือก แม้จะมองเห็นทางออกเหล่านั้นก็ตาม ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินหน้าจัดการเลือกตั้งที่ตลกที่สุดในโลก จึงสะท้อนให้เห็นถึงการขาดความเป็นอิสระ และสูญเสียซึ่งศักดิ์ศรีขององค์กรจนสังคมเสื่อมศรัทธาอย่างรุนแรง

ผมคิดว่าอาการของประธาน กกต.เป็นอาการเดียวกับนายโสภณ เพชรสว่าง และทีม ส.ส.ไทยรักไทยที่หมิ่นเหม่ ต่อการไม่รับสนองกระแสพระราชดำรัส และเป็นอาการข้างเคียงจากอำนาจอันล้นระบบของระบอบทักษิณ เพราะ 5 ปี ของรัฐบาลทักษิณสะสมอำนาจด้วยการแทรกแซงองค์กรอิสระไว้ในกำมือจนหมด เมื่อระบอบทักษิณถูกท้าทายอำนาจ องค์กรที่เป็นเมืองขึ้นก็จะถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว พึ่งตัวเองหรือตัวใครตัวมัน และอำนาจขาลงแบบนี้จะมีลักษณะอันธพาลสูงขึ้น และเชื่อว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแต่เราจะเห็นอาการดิ้นหนีความตายขององค์อำนาจอื่นตามมาเรื่อยๆ นายสุริยะใส กล่าว

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า จริงๆ แล้ว กกต.ยังมีโอกาสที่จะเรียกศรัทธากลับคืนมาด้วยการวินิจฉัยคดีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง และคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติการณ์ผิดกฎหมายเลือกตั้งทั้ง 2 คดีถือว่ามีมูลและสังคมก็เฝ้าดูคำวินิจฉัยของ กกต.อยู่ แต่ถ้า กกต.ตัดสินออกมาเป็นที่กังขาของสังคม ก็ถือว่าสายป่านศรัทธาขาดหมดทุกเส้น และ กกต.ก็จะไม่เหลือโอกาสใดๆ อีกแน่นอน