ปชป.แนะ วาสนา สงบอารมณ์ก่อนโทษคนอื่นชี้ต้องรับกรรมเอง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤษภาคม 2549 15:39 น.
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตอก วาสนา นั่งสงบสติอารมณ์ให้ดีก่อนกล่าวหาคนอื่นว่าใครกันแน่ที่เป็นสาเหตุก่อวิกฤต ย้ำสาเหตุไม่ร่วมสังฆกรรมเลือกตั้ง 2 เมษายนเพราะยุบสภาไม่ชอบธรรมไม่ต้องการรองรับการฟอกตัวของ แม้ว ชี้ถ้า กกต.ลาออกยกชุดก็ยังมีช่องทางแก้ไขไม่กระทบเลือกตั้งใหม่
วันนี้ (5 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนสำคัญในการก่อวิกฤตครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์พยายามที่จะประหยัดคำพูด ไม่ไปโต้แย้งใดๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเกิดบรรยากาศที่ไม่ดีในทางการเมือง แต่บังเอิญว่าการระบายความในใจของ พล.ต.อ.วาสนา มีหลายประเด็นที่โยงมาถึงพรรค และหากไม่ชี้แจงก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า เข้าใจ พล.ต.อ.วาสนาดีว่าในฐานะประธาน กกต.ก็อยากทำงานในการดูแลการเลือกตั้งให้ดีที่สุด แต่ พล.ต.อ.วาสนา และกกต.ทั้ง 4 ท่านก็ต้องยอมรับความจริงว่าที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของท่านก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจ ไม่เชื่อถือและศรัทธาในการทำหน้าที่ของ กกต. เพราะหลายฝ่ายพบว่ามีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ผมอยากให้ กกต.ย้อนกลับไปดูตัวเองและตั้งคำถามกลับว่าทำไมคนทั่วไปที่มีความรู้มากมายหลายระดับ ตลอดจนนักการเมือง จึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กกต.อย่างหนัก และอยากให้เปรียบเทียบกับ กกต.ชุดที่แล้ว จะเห็นว่า กกต.ชุดที่แล้วทำหน้าที่ได้ดี เหมาะสมมากกว่า กกต.ชุดปัจจุบันมาก จึงอยากเรียกร้องให้ กกต.ทุกคนใจเย็นๆ สงบสติอารมณ์ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง มีหน้าที่กลั่นกรองนักการเมืองเข้าไปสู่อำนาจ เป็นหน้าที่ที่จะต้องทำให้คนเชื่อถือศรัทธา ต้องแสดงความเป็นกลางในการทำหน้าที่ตลอดเวลา และต้องมีความสุจริตเที่ยงธรรมซึ่งถือเป็นพื้นฐานในการทำงานด้วย ซึ่งหากทบทวนการทำงานที่ผ่านมา กกต.ก็จะพบความจริงว่า ได้ทำสิ่งที่ขัดรัฐธรรมนูญ และทำให้คนไม่เชื่อถือในหลายประเด็น นายองอาจ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ พล.ต.อ.วาสนาพูดถึงการยุบสภาเป็นอำนาจของรัฐบาลนั้น ยอมรับว่ากฎหมายให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการยุบสภา แต่การประกาศยุบสภาก็ต้องดำเนินการโดยชอบด้วย ซึ่งครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบธรรมเพราะยังอยู่ในช่วงที่สภาปิดสมัยประชุมอยู่ และไม่มีความขัดแย้งกันภายในของสภาหรือกับฝ่ายบริหาร แต่เป็นการยุบสภาเพื่อฟอกตัว ไม่ให้คนไปสนใจเรื่องการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปมากกว่า โดยหวังว่าเมื่อยุบสภาแล้วคนจะลืมเรื่องนี้และหันมาสนใจเรื่องการเลือกตั้ง การตั้งรัฐบาลใหม่ แต่พรรคมองเห็นประเด็นนี้ดี จึงเป็นสาเหตุที่พรรคไม่ส่งคนลงเลือกตั้ง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังย้ำว่า การที่พรรคฝ่ายค้านไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งไม่ใช่สาเหตุของปัญหา แต่สาเหตุของปัญหาที่แท้จริงก็คือการยุบสภาที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมมากกว่า จนกระทั่งมีปัญหาตามมามากมาย และหากเป็นเหตุการณ์ปกติพรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครแน่นอน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ถ้าเราส่งผู้สมัครก็เท่ากับเราไปรองรับความไม่ถูกต้องนั้น
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งนั้น พรรคเห็นว่าหากเป็นการยุบสภา ควรจะมากว่า 45 วันแต่ไม่เกิน 60 วัน และยังปฏิเสธกรณีที่ พล.ต.อ.วาสนา ระบุว่ามีพรรคการเมืองใหญ่เก่าแก่ จ้างพรรคการเมืองเล็กให้ล้มการเลือกตั้ง โดยบอกว่าแม้ พล.ต.อ.วาสนา ไม่ระบุชื่อพรรคก็พอจะมองได้ว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ และขอยืนยันว่าพรรคไม่เคยไปว่าจ้างพรรคใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่ให้ล้มการเลือกตั้ง ไม่เคยให้อามิสสินจ้างใดๆ กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดเพื่อล้มการเลือกตั้ง เพราะพรรคการเมืองเล็กมีตั้งหลายพรรค หากจะจ้างจริงๆ ทำไมต้องจ้างเฉพาะพรรคนี้เท่านั้น พรรคเล็กอื่นก็มีที่พร้อมจะลงเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้ หากดูสิ่งที่พรรคร้องเรียนไปให้ตรวจสอบการจ้างพรรคเล็กลงสมัคร จะเห็นว่าเรื่องนี้ทางอนุกรรมการกกต. ได้มีการตัดสินแล้วว่ามีความผิดจริง และ กกต.ก็ลงโทษยุบพรรคการเมืองเหล่านั้นไปแล้วด้วย ตรงนี้น่าจะเห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่ พล.ต.อ.วาสนาพูดนั้นเป็นการขัดกับสิ่งที่อนุ กกต.ตัดสินไปแล้วอย่างชัดเจน และจะเชื่อถือสิ่งที่พรรคเล็กที่ถูก กกต.ยังยุบพรรคไปแล้วได้อย่างไร
โฆษกพรรคประชาธิปตย์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ พล.ต.อ.วาสนา และกกต.พยายามจะบอกหลายเรื่องยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยังไปโทษสื่อมวลชนว่าจิตวิปริตที่พยายามจะส่องกล้องดูว่าประชาชนคงละแนนให้ใคร ซึ่งไม่ควรจะพูดเช่นนั้น เพราะสื่อทำหน้าที่แทนประชาชนและนำไปเผยแพร่ให้ทราบ เพราะหาก กกต.จัดการเลือกตั้งเป็นตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดก็จะไม่เกิดปัญหา ดังนั้น ก่อนโทษสื่อก็ควรจะโทษตัวเองมากกว่า นอกจากนี้ การที่พรรคยื่นเรื่องต่อศาลปกครองก็ถือเป็นการทำตามสิทธิที่พึงมีของประชาชนทั่วไป ไม่ใช่การไปกดดันหรือไปชี้นำศาลแต่อย่างใด
ที่ผมพูดวันนี้ก็เพื่อจะบอกให้ประชาชนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองเรา และปัญหาที่แท้จริงของวิกฤตที่เกิดขึ้นอยู่ที่ไหน ซึ่งผู้ที่มีส่วนทำให้เกิดวิกฤตนี้นั้นไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง พรรคการเมือง กกต. และอีกหลายๆ ส่วนในสังคม ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมในวิกฤตนี้ร่วมกันทั้งนั้น และเมื่อฟังกระแสพระราชดำรัสแล้ว ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันฟันฝ่าวิกฤตและหยุดยั้งวิกฤตที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราให้ได้ นายองอาจ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประเมินหรือไม่ว่าทำไม พล.ต.อ.วาสนา จึงมุ่งมาที่พรรคประชาธิปัตย์โดยตรง นายองอาจ กล่าวว่า ความจริงก็เห็น พล.ต.อ.วาสนา มุ่งไปหมดทั้งพรรคการเมืองทุกพรรค นักการเมืองทุกคน สื่อมวลชนทั้งหมด ซึ่งเราไม่อยากประเมินอะไร เพียงแต่อยากทำความเข้าใจกับสังคมในสิ่งที่มันคลาดเคลื่อนมากกว่า และส่วนตัวตนก็เข้าใจคนที่ทำงานตรงนั้นดีว่ามีความกดดันพอสมควร แต่ก็ต้องยอมรับว่าความกดดันนั้นก็เพราะทำตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใครไปทำ และเมื่อทำตัวเองแล้วมันก็ต้องได้รับผลจากการกระทำของตัวเอง
เมื่อถามว่าเป็นเพราะเกิดความหวั่นไหวเนื่องจากเกรงการวินิจฉัยของศาล โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความจริงไม่น่าจะไปหวั่นไหวอะไร เพราะศาลพิจารณาออกมาอย่างไรทุกคนก็ต้องยอมรับ การไปหวั่นไหวเกินกว่าเหตุก็ช่วยอะไรไม่ได้ อาจทำให้ช่วยให้คลายเครียดหน่อยเพราะได้ระบายเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่า พล.ต.อ.วาสนาได้ร่างใบลาออกไว้แล้ว และการพูดครั้งนี้ก็เหมือนกับเป็นการเปิดใจทิ้งทวนหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า ความจริงจะออกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจเพราะเราก็ไม่ได้ไปกดดันอะไร แล้วแต่พิจารณาเพราะท่านก็เป็นผู้ใหญ่ มีความรู้ความสามารถก็ตัดสินใจเอง
เมื่อถามว่าการกล่าวพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ของ พล.ต.อ.วาสนา จะมีการฟ้องร้องหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ก็คงต้องไปดูในข้อกฎหมายว่าเข้าข่ายหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายเราก็ต้องปกป้องชื่อเสียง และสิทธิของเราตามกฎหมาย หากทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ดูหมิ่นเกลียดชัง
ส่วนกรณีหากมีการเลือกตั้งใหม่ และกกต.ลาออกหมด การเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร นายองอาจ กล่าวว่า เรายังไม่ได้คาดการณ์อะไรอย่างนั้น แต่อย่างไรก็ตาม หาก กกต.ลาออกหมดก็มีหลายช่องทางที่จะทำให้การเลือกตั้งดำเนินต่อไปได้ เพียงแต่เวลาอาจยืดออกไปอีกหน่อย ยืนยันไม่เป็นปัญหาเลย เช่น อาจยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือหาก กกต.ลาออกและกระบวนการสรรหายังไม่ครบถ้วน ก็อาจจะให้ศาลฎีกาเป็นผู้เสนอชื่อไปให้สมาชิกวุฒิสภาพิจารณาเลือก กกต.ใหม่
ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคชาติไทยนั้น นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรค เปิดเผยว่า พรรคชาติไทยจะงดแถลงข่าวประจำสัปดาห์ในวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2549 เนื่องจาก พรรคชาติไทยเคยให้ความเห็นก่อนหน้านี้จะว่าไม่แสดงความเห็นทางการเมืองในขณะที่ศาลยังไม่มีคำวินิจฉัยที่ชัดเจนออกมา จึงต้องรักษาคำพูด และหากในวันจันทร์(8 พ.ค.)เวลา 10.00 น. พรรคชาติไทยจะมีการประชุมกรรมการนโยบายพรรค ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวออกมาในช่วงเช้า ก็จะสามารถให้ความเห็นได้หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม
ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.วาสนา ออกมากล่าวพาดพิงถึงพรรคชาติไทยนั้น นายนิกร กล่าวว่า ทางพรรคจะยังไม่แสดงความเห็นอะไรในช่วงนี้ เพราะข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง จะพูดเมื่อไหร่ก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพรรคชาติไทยจะออกมากล่าวถึงเรื่องนี้แน่นอน