ประธานครส.ระดมวิทยุชุมชน-แท็กซี่-สามล้อ กล่อมคนไทยเลือกตั้งสุจริต จูงประชาชนเข้าร่วมฝ่ายรัฐ ยกปากกา-วาจาน่ากลัวกว่าอาวุธของกองทัพ ชี้เดินหน้าหนึ่งก้าว ถอยหลังสองก้าวเลยไม่ได้ไปไหน
พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไข ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) กล่าวในการพบปะกับตัวแทนวิทยุชุมชนทั่วประเทศ ตัวแทนผู้ประกอบการรถแท็กซี่ สามล้อ และมอเตอร์ไซด์รับจ้างว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เหมือนการนำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่ถูกต้องและสมบูรณ์ ดังนั้นรัฐบาลจึงมอบหมายให้ครส.รณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพื่อทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้บริสุทธิ์
ประธาน ครส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกคนที่มาประชุมล้วนมีความสำคัญ
ผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับวิทยุชุมชนที่ปัจจุบันมีหลายพันคลื่นนั้นสามารถใช้เสียงและวาจาทำความเข้าใจกับประชาชนซึ่งน่ากลัวกว่าอาวุธที่กองทัพมีอยู่ เพราะท่านเพียงเสียงเดียวอาจจะทวีคูณเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่น และเป็นเครื่งมือสำคัญในการทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้กลับมาสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลในการที่จะบอกว่า การซื้อสิทธิ์ขายเสียงนั้นมีข้อเสียอย่างไร แก้ไขย่างไร และทำอย่างไรให้ประชาชนมาลงคะแนนมากๆ
บิ๊กบังปลุกวิทยุชุมชน-แท็กซี่กล่อมคนไทย เลือกผู้นำซื่อสัตย์-จงรักภักดี
ในส่วนของแท็กซี่ มอเตอร์ไซด์ สามล้อ และรถตู้ ซึ่งผู้โดยสารมักจะได้ยินคนขับปรารภอยู่เสมอ
แม้ในระบอบประชาธิปไตยนั้นความคิดย่อมไม่เหมือนกัน แต่จะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมไม่ได้ ทุกคนที่นั่งซ้อนท้ายหรือนั่งอยู่ท้ายรถเราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีความสมานฉันท์และมีประชาธิปไตยอยู่ในใจที่ทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการเข้าไปบริหารประเทศ เพราะการนำประเทศไปสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่ข้าราชการ แต่การชี้ขาดความเป็นประชาธิปไตยนั้นอยู่ที่ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกัน
'ในเร็วๆนี้เป็นวันเวลาของการชี้ขาดในการนำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์หรือไม่ เหมือนการแบกของหนัก ซึ่งเราจะเกี่ยงกันไม่ได้ เพราะบ้านเมืองเป็นของทุกคนที่ต้องช่วยกันแบกเพื่อให้ภาระแห่งความสับสนวุ่นวายของประเทศที่เป็นอุปสรรคนั้นเบาลงและผ่านไปได้ ต้องอย่าท้อและอย่ากลัว แต่ที่ผ่านมาคนไทยท้อแล้วพูดคำว่าธุระไม่ใช่ ปัญหาก็เกิดจนทุกวันนี้ เราต้องยืนหยัดว่านี้คือแผ่นดินไทยของข้า ใครจะทำอะไรในแผ่นดินของข้าไม่ได้ แล้วก็ช่วยกันแบกช่วยกันหาม ซึ่งผมไม่อยากได้ยินคำว่า ความรักชาติและอุดมการณ์เป็นเรื่องโบราณ ผมเชื่อว่าแรงๆเดียว แต่มีจิตใจที่ทุ่มเทเพื่อความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะศัตรูได้ไม่ยาก แต่เมื่อใดเราท้อแท้เราจะพ่ายแพ้ ดังนั้นถ้าอยากขี่ช้างงามก็ต้องกล้าเสี่ยง เพราะเรากำลังผ่านไปสู่วิกฤติที่มีความสำคัญยิ่งในวันที่ 15-16 ธันวาคมที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ได้โปรดเลือกคนดีเข้ามาบริหารประเทศ ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและจงรักภักดีต่อชาติและสถาบัน ซึ่งพวกท่านรู้ดีกว่าใครดีไม่ดี ใครซื่อสัตย์สุจริตต่อชาติบ้านเมืองหรือไม่ ได้โปรดอย่าให้เงินเพียงไม่กี่สตางค์มาสำคัญกว่าบ้านเมือง' ประธาน ครส.กล่าว
พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นคนไทย รักชาติ ใครจะมาแตะต้องประเทศไม่ได้
จะคิดว่าประเทศไทยไม่ใช่ของเราคนเดียวหรือธุระไม่ใช่ คงไม่ได้ ซึ่งตนพยายามพูดเสมอว่าประเทศไทยเจริญมานานก่อนใครในพื้นที่รอบๆ อาเซียน แต่ตอนนี้เพื่อนบ้านกำลังก้าวหน้าและแซงหน้าเรา แม้หลายประเทศเคยตกเป็นเมืองขึ้นมาตลอด อย่างเวียดนาม กัมพูชา ลาวและพม่า แต่เพราะประชาชนมีระเบียบวินัย รักชาติ มีอุดมการณ์และขยันขันแข็ง รวมทั้งผู้บริหารประเทศเหล่านั้นมีความซื่อสัตย์สุจริต รักชาติและมีอุดมการณ์ความเป็นชาติ โดยเฉพาะเรื่องอุดมการณ์ความรักชาติ แต่เรากำลังอยู่กับที่ บางครั้งเดินไปข้างหน้าก้าวแต่เดินมาข้างหลัง 2 ก้าว ซึ่งดูไปดูมากลับไม่ได้เดินไปไหนและเดินไปข้างหลังด้วยซ้ำ
หวังว่าสิ่งที่ได้พูดทุกคนที่มาฟังจะนำไปใช้ประโยชน์
โดยเฉพาะวิทยุชุมชน ที่สามารถทำให้เสียงนี้ออกไปเป็นร้อยเท่าพันทวี เพื่อให้ประชาชนกลับมาเป็นฝ่ายของรัฐ เพื่อสร้างความจงรักภักดีให้ชาติบ้านเมือง ส่วนคนขับแท็กซี่นั้นต้องทำให้คนที่นั่งข้างหลังนั้นรักประเทศและสามัคคีกันตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม