ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
แถลงถึงผลโพลสำนักต่างๆ ที่ทยอยออกมาทำนายการเลือกตั้งในระยะหลังว่า จากการที่ตนลงพื้นที่พบประชาชนในต่างจังหวัดพบว่าก ระแสความนิยมของพรรคพลังประชาชนแตกต่างจากผลโพลส่วนใหญ่ที่วิเคาระห์ว่าพรรคพลังประชาชนจะได้ส.ส.บวกหรือลบ 190 ที่นั่ง แต่ประชาชนกำลังมองว่าคมช.ได้ยึดอำนาจแล้วทำให้เศรษฐกิจเสียหาย จึงอยากจะแสดงความไม่เห็นด้วย ด้วยการกระทำอะไรบางอย่าง ส่วนตัวเชื่อว่าในโค้งสุดท้ายมีความเป็นไปได้ว่าประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจอาจจะหันมาเทคะแนนเสียงให้พรรคพลังประชาชน และอาจได้เสียงเกินครึ่ง
นายจาตุรนต์ ยังระบุอีกว่า ทั้งนี้มี 2-3 ปัจจัยสำคัญ คือ
การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันของพรรคตรงข้าม อีกประการหนึ่งคือการกลั่นแกล้งพรรคพลังประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเอกสารลับของ คมช. บทบาทที่ไม่เป็นกลางของ กกต. เพราะคนไทยไม่ชอบการถูกข่มเหงและรังแก ซึ่งจะเกิดเป็นความสงสารเป็นแรงเหวี่ยงกลับอย่างรุนแรง โดยปัจจัยที่จะทำให้พรรคพลังประชาชนได้เสียงเกินครึ่งอยู่ที่ภาคเหนือและอีสาน รวมทั้งถ้าพรรคพลังประชาชนแก้ไขกรณีที่พรรคอื่นหาเสียงแอบอ้างเป็นพวกเดียวกับรัฐบาลชุดที่แล้วจะนำพ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ หากได้ก็จะได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นอีกมาก
จาตุรนต์ชี้บีบหนักตีกลับแรง
นายจาตุรนต์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ซีดีบันทึกคำกล่าวพ.ต.ท.ทักษิณ ในภาคเหนือและอีสานที่มีข้อความสนับสนุนพรรคพลังประชาชนว่า
อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ไม่ได้ถูกตัดสิทธิการแสดงความเห็นทางการเมือง คนเหล่านั้นไม่ได้ทำตัวเป็นกรรมการบริหารพรรคอย่างที่กกต.พยายามตีความแบบเกินเลย เป็นความจงใจกลั่นแกล้งพวกตน สุดท้ายก็คือความจงใจกลั่นแกล้งพรรคการเมืองบางพรรค และเมื่อดูลึกลงไปจะพบว่าไม่ได้กลั่นแกล้งไปทั้งหมด อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย บางคนที่ไปเป็นที่ปรึกษาและเป็นกรรมการพรรคโน้นพรรคนี้ กลับไม่มีปฏิกิริยาจาก กกต.ว่าจะไปยุบพรรคนั้น
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า หากมีการยุบพรรคพลังประชาชนหลังการเลือกตั้งโดยที่ได้เสียงจากประชาชนมาอย่างถล่มทลายก็จะเป็นการไม่เคารพความเห็นประชาชน
จะนำไปสู่ความยุ่งยาก ทำแบบนี้เท่ากับว่ากกต.สามารถกำหนดใครเป็นรัฐบาลก็ได้ โดยเฉพาะที่มีการวิเคราะห์กันว่าหากมีการยุบพรรคพลังประชาชนหรือหากพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลก็จะเกิดการนองเลือดตามมานั้น การวิเคราะห์ทั้ง 2 แนวทางไม่ประโยชน์ต่อสังคมทำให้เกิดการตัดสินใจบนพื้นฐานของความหวาดกลัว จึงอยากเสนอองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งหลายใช้เหตุผลและข้อกฎหมายพร้อมทั้งให้สติกับสังคม