สนธิ ชวนคนงานไทยเลือกคนภักดี

วันที่ 9 ธ.ค. ที่เขตอีสต์โคสต์ ประเทศสิงคโปร์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติ ว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) พร้อมด้วยนายอภัย จันทนจุลกะ รมว.แรงงาน   ได้เดินทางมารณรงค์การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

โดย พล.อ.สนธิกล่าวระหว่างการรณรงค์การเลือกตั้งว่า มีคนไทยที่ผ่านเข้าออกในสิงคโปร์อยู่ประมาณ 45,000 คน โดยมาลงทะเบียนเป็นคนงานที่ถูกกฎหมายกว่า 20,000 คน ขณะนี้มาลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรแล้วกว่า 6,600 คน เป็นตัวเลขที่น่าพอใจถือว่าเป็นประเทศที่มีคนงานหรือคนไทยที่มาลงทะเบียนเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง จากผู้ที่มาลงทะเบียนทั้งหมดจำนวน 70,000 คน หน้าที่ของตนก็ต้องมาบอกเล่าถึงปัญหา ที่ประเทศไทยกำลังประสบอยู่ทุกวันนี้ พร้อมกับทำความเข้าใจให้ไปเลือกตั้งกันมากๆโดยเน้นจะต้องเลือกคนดี ซื่อสัตย์ และสุดท้ายที่สำคัญอย่างยิ่งต้องเป็นคนมีความจงรักภักดี มาเป็นตัวแทนประชาชนในการบริหารประเทศต่อไป

เลือกคนไม่ดีซื้อเสียงบ้านเมืองวิกฤติ

พล.อ.สนธิกล่าวอีกว่า ในช่วงนี้มีคนที่จะพยายามทำให้ประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นชาติ สถาบันที่เราจงรักภักดีให้สับสนและมีกระบวนการ ทำลายตรงนั้นอยู่ เราต้องสามัคคีกันตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เราจะมีการเลือกตั้ง อยากให้รู้ว่า ขณะนี้มีการโจมตีกันอย่างมาก ซึ่งจริงบ้างเท็จบ้างทำให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีกัน ที่ผ่านมา ทำให้การบริหารประเทศไม่เรียบร้อย เพราะมาด้วยการซื้อสิทธิขายเสียง “ต้องตระหนักเลือกคนดี คนที่ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง มิเช่นนั้นบ้านเมืองจะวิกฤติ เพราะในเวลานี้ในประเทศเรามีการซื้อสิทธิขายเสียงกันมาก ถล่มทลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมกำลังทำอย่างนี้ไปทั่วโลก โดยทำให้ทุกคนนึกถึงชาติสำคัญกว่าอย่างอื่น” พล.อ.สนธิกล่าวและว่า ทั้งนี้จะเดินทางไปรณรงค์เลือกตั้ง พร้อมกับพบตัวแทนนักศึกษา เพื่อรับฟังปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่  3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประเทศมาเลเซียต่อไป

ให้พรรคการเมืองถกรัฐบาลแห่งชาติ 

พล.อ.สนธิให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อสร้างความปรองดองและสามัคคีในประเทศเป็นระยะเวลา 2 ปี แล้วค่อยยุบสภาเลือกตั้งใหม่ว่า เป็นข้อเสนอของท่านอดีตนายกฯก็แล้วแต่หัวหน้าพรรคการเมืองแต่ละพรรค มีกี่พรรคต้องมาทำความตกลงกัน ก็เป็นเรื่องที่อาจเป็นไปได้ หากหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคพิจารณาตกลงกันได้ หากเห็นว่าจะเป็นไปเพื่อบริหารประเทศได้ดี ก็น่าจะเป็นไปได้บ้างอีกหนทางหนึ่ง ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า จะเดินทางกลับประเทศไทย ภายในเดือน ก.พ. 2551 นั้น ใครกลับมาก็ได้ ทุกคนเป็นคนไทยจะไปไหนมาไหนก็ได้ ในส่วนว่ามาแล้วจะไม่เล่นการเมือง จะมาเพื่อต่อสู้คดีนั้นก็ต้องว่ากัน มีคดีอะไรบ้างทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องว่ากันไปตามคดีที่มีอยู่  


วีซีดี “ทักษิณ” กระทบเลือกตั้งมาก

เมื่อถามถึงการแจกจ่ายวีซีดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มองว่าช่วยหาเสียงให้พรรคพลังประชาชน พล.อ.สนธิตอบว่า คิดว่าตรงนี้จะเป็นผลกระทบต่อกระบวนการเลือกตั้งค่อนข้างมาก ขึ้นอยู่กับ กกต.จะพิจารณาว่าจะเป็นการขัดต่อกฎหมายของ กกต.หรือเปล่า คงเป็นหน้าที่ของ กกต. เนื่องจากมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ส่งวีซีดีดังกล่าว มาให้ ครส. และก็ได้ส่งให้ กกต.ตรวจสอบ เพราะถ้าหากวีซีดีดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้น ก็มีผลต่อการตัดสินใจบางอย่างของ กกต. จะผิดจะถูกนั้นอยู่ที่ กกต. ส่วนที่หลายฝ่ายออกมาระบุว่า หลังการเลือกตั้งนั้นจะมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ไม่เชื่อว่าจะมีเหตุรุนแรง เนื่องจากเป็นผลการตัดสินใจของประชาชนเจ้าของประเทศ ซึ่งหลังวันที่ 23 ธ.ค. ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับและเชื่อว่าทางฝ่ายนักการเมืองจะตั้งรัฐบาลได้ภายในเวลากำหนด เพราะเรามีนักการเมือง เก่งกันหลายคน


เมิน “จาตุรนต์” ไล่พ้นประธาน ครส.


ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ โพลหลายสำนักระบุว่าพรรคพลังประชาชนจะชนะการเลือกตั้ง พล.อ.สนธิตอบว่า เรื่องของโพลในบ้านเรา ในขณะนี้คิดว่ามันต้องตรวจ สอบการทำโพลนั้นต้องกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน ถ้าทำแบบตรงไปตรงมามันจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง และถ้าเกิดโพลไม่วางตัวเป็นกลาง มาตรฐานก็ใช้ไม่ได้ ในเวลานี้ขอให้ทุกฝ่ายอย่าไปคำนึงถึงโพลให้มากนัก อยากให้ ทุกพรรคการเมืองพยายามรณรงค์ในการกำหนดนโยบายเชิญชวนให้ประชาชนสนับสนุนพรรคของตัวเองตามที่กำหนดให้มากที่สุดไว้จะดีกว่า คิดว่านั่นเป็นขั้นตอนสุดท้ายและถือว่าเป็นความชัดเจนของการเลือกตั้งในครั้งนี้ ส่วนกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาเรียกร้องให้ลาออกจากประธาน ครส. ก็ว่าไปก็แล้วแต่ท่าน เพราะเป็นความเห็นส่วนตัว จะไปบังคับให้ใครมีความเห็นอย่างไรคงไม่ได้ แต่เราจะไปท้อถอยกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้คงไม่ได้ เพราะหน้าที่ของเราทำงานใหญ่ งานที่สำคัญ เพราะฉะนั้นเราท้อถอยไม่ได้ ก็ ต้องมุ่งมั่นทำงานต่อไป

ให้แรงงานโทรชวนญาติไปใช้สิทธิ 

นายอภัยกล่าวว่า ได้กำชับทูตแรงงานประจำประเทศสิงคโปร์ ให้ช่วยรณรงค์การเลือกตั้งมาอย่างต่อ เนื่อง เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม โดยในวันที่ 11-16 ธ.ค. ขอเชิญชวนคนไทยในสิงคโปร์ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งแล้วกว่า 6,600 คน ไปทำการเลือกตั้งได้ที่สถานทูตฯอย่างพร้อม เพรียงกัน ทั้งนี้ อยากให้แรงงานทุกคนช่วยโทรศัพท์ไป บอกครอบครัวที่อยู่ทางบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วยรณรงค์ให้ไปเลือกตั้ง อย่างน้อยจะทำให้ประชาธิปไตยในประเทศไทยได้เต็มใบเร็วขึ้น 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์