เลขายูเอ็นพบนายกฯถกปัญหาพม่า

ให้การต้อนรับนายบัน กี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดย พล.อ. สุรยุทธ์นำนายบัน กี มูน ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนร่วมหารือระดับทวิภาคี จากนั้นได้ร่วมกันแถลงข่าว โดย พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ได้หารือถึงการพัฒนาในพม่า ไทยยินดีสนับสนุนบทบาทของยูเอ็น ส่วนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในปี 2551 ที่ กทม.นั้น น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะพูดคุยถึงความคืบหน้าของการพัฒนาในพม่า 

ด้านนายบัน กี มูน กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนยูเอ็นได้แสดงบทบาทการนำประชาธิปไตยกลับมาสู่พม่า แต่เรายังต้องการความร่วมมือพิเศษจากอาเซียนที่มีความรับผิดชอบทางการเมืองที่พิเศษในการช่วยเรื่องประชาธิปไตย ยูเอ็นจะขอให้เป็นอย่างนี้ต่อไป การกลับไปสู่ภาวะที่ไม่มีความคืบหน้า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ตนทราบว่าประชาคมโลกไม่อดทนแล้ว และความอดทนกำลังจะหมดไป ความจริงเรามีช่องทางสื่อสารกับรัฐบาลพม่า โดยแต่งตั้งนายอ่อง คี เป็นรัฐมนตรีที่คอย เชื่อมโยงระหว่างรัฐบาลพม่ากับนางอองซาน ซูจี หวังว่า ความสัมพันธ์นี้จะพัฒนาขึ้นไป เพื่อนางซูจีจะมีส่วนร่วมในการเจรจาการเมืองกับผู้นำอาวุโสของพม่ามากยิ่งขึ้น จากนี้ไปขอให้รัฐบาลพม่าเคารพหลักการนี้และกฎบัตรสหประชาชาติ โดยการร่วมมือกับประชาคมโลกด้วยการพัฒนาให้เป็นประชาธิปไตยและสนับสนุนสิทธิมนุษยชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.สุรยุทธ์รอให้การต้อนรับนายบัน กี มูน ปรากฏว่าที่หน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ ตัวแทนกลุ่มสมาพันธ์ประชาธิปไตย แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) กลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่แค่กิ๊ก และกลุ่มโดมแสบแอบเผาโดม จำนวนประมาณ 50 คน นำโดย นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานมูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย ได้รวมตัวชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ คมช. ตะโกนโจมตี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมส่งผู้หญิง 5 คน ปีนขึ้นไปนั่งคร่อมบนรั้วทำเนียบรัฐบาล และชูป้ายประท้วง พร้อมกันนี้ มีการจัดการแสดงล้อเลียนเชิงประชดประชันในทำนองขอบคุณ พล.อ.สนธิที่ทำการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตย และมอบตำแหน่งให้เป็นประธานกลุ่มคนรักเผด็จการไม่เอาประชาธิปไตย 

นพ.สันต์กล่าวว่า วันที่ 10 ธ.ค. เป็นวันสิทธิมนุษยชนโลก แต่จากกรณีเอกสารลับ คมช.แสดงให้เห็นว่าทหารยังเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งเหมือนยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงมาขอร้องต่อเลขาธิการยูเอ็นช่วยโน้มน้าวให้รัฐบาลเผด็จการทหารคืนระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ให้ประชาชน และคืนสิทธิต่างๆ ตามที่รัฐบาลเคยลงนามไว้ในสนธิสัญญากับสหประชาชาติ