"สนธิ"ย้ำภารกิจจุดเทียนปัญญาเล่ม2-มั่นใจ พ.ค.จุดเปลี่ยนสำคัญ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2549 01:56 น.
"สนธิ"ยืนยันจะไม่ยอมให้เทียนแห่งปัญญาดับลง เตรียมเดินสาย"จุดเทียนแห่งปัญญาเล่มสอง" ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งใหม่ทั่วประเทศเริ่ม 20 พ.ค.นี้เป็นครั้งแรก เชื่อเดือนนี้เป็นเดือนแห่งการเปลี่ยนครั้งสำคัญ ย้ำพันธมิตรฯหยุดชั่วคราวเพื่อให้กำลังใจทั้ง 3 ศาลปฏิบัติภารกิจแก้วิกฤติของชาติตามแนวพระราชดำรัส เตือนหากมีการบิดพลิ้วจะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งอย่างแน่นอน
วันนี้(2 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีที่สวนลุมพินี โดยเริ่มต้นเล่าย้อนถึงการร่วมชุมนุมตั้งแต่เมื่อมีการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งแรกที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2548 จนถึงวันนี้ เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น
นายสนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยบอกว่าการจุดเทียนต้องช่วยกันจุด คนจุดคนแรกต้องยอมเจ็บ แต่เมื่อเทียนจุดติดขึ้นแล้วจะให้ดับไม่ได้ เพราะเป็นเทียนแห่งปัญญา พร้อมทั้งขอกราบขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่มาร่วม เพราะรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอยืนยันยินดีรับทุกคดีในวันนี้และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
แกนนำพันธมิตรฯผู้นี้ยังระบุอีกว่า ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่อวดเก่ง แต่รู้สึกสงสารประเทศว่าทำไมถึงโชคร้ายที่ได้นายทักษิณ มาเป็นนายกฯถึง 5 ปี ส่วนที่มีการพูดว่าถ้าการเลือกตั้งเป็นโมฆะและจะต้องเลิกเว้นวรรคทางการเมืองนั้น ที่ผ่านมาพวกเรา(พันธมิตรฯ)ไม่เคยขอให้เว้นวรรค แต่เราขอให้ลาออกเท่านั้น
นายสนธิ ยังได้ชี้แจงสาเหตุที่ย้ายสถานที่ชุมนุมมาเป็นที่สวนลุมพินีในวันนี้ว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนี้สมเด็จพระเทพฯจะเสด็จไปทรงดนตรีที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในเวลาประมาณ 21.00 น.หากมีการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงอาจเป็นการรบกวน ส่วนลานพระบรมรูปทรงม้าก็จะเป็นการขัดขวางขบวนเสด็จ ส่วนลานคนเมืองก็ไม่ได้รับอนุญาต จึงย้ายมาที่สวนลุมดังกล่าว
นายสนธิ ได้ระบุว่าการที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนมาร่วมชุมนุมถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจกับภารกิจที่เหนื่อยยากกับภารกิจขับไล่ทักษิณ ซึ่งเป็นภารกิจประวัติศาสตร์ ที่ร่วมกันขจัดความชั่วร้ายในระบบการเมืองซึ่งตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
แกนนำพันธมิตรฯผู้นี้ ย้ำว่าเวลานี้ประตูกรรมกำลังเปิดแล้ว และความชั่วร้ายต่างๆกำลังถูกเปิดเผยออกมา กรณีสนามบินหนองงูเห่าเชื่อว่ากลางปีหน้าก็ยังเปิดใช้ไม่ได้ เพราะรันเวย์ร้าว หลังคาสนามบินยังรั่ว กรณีผลสอบโอเน็ต-เอเน็ตที่ผิดพลาดแต่ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบ หรือกรณีทุจริตโรงงานยาสูบที่เคยนำมาเล่าให้ฟังราคาก่อสร้างเดิมแค่ 9 พันล้านบาทแต่ทางบริษัทในประเทศจีนเปิดเผยว่ามีการสั่งให้คิดเงินเพิ่มเป็น 1 หมื่น 9 พันล้านบาท และว่าเมื่อไม่กี่วัน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บินเงียบกลับมาจากฮ่องกงโดยมีบริษัทการบินไทยจัดเครื่องบินไปรับโดยในเที่ยวบินลำนั้นมีคนนั่งมาแค่ไม่เกิน 3 คนเท่านั้น โดยใช้เงินภาษีของประชาชนทั้งสิ้น
"เราหยุดให้กำลังใจทั้ง 3 ศาลเพื่อจัดการกับคนชั่ว แต่เวลานี้ยังไม่ทันกลับมีคนออกมาโวยวายบอกว่าจะฟ้องศาล จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย เราจะให้มันทะเลาะกับศาล โดยเราจะให้กำลังใจกับศาล" นายสนธิ ระบุ และประกาศความพร้อมจะออกมาชุมนุมใหญ่อีกครั้งหากมีการบิดพลิ้วไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล
นายสนธิ กล่าวอีกว่า จากนี้ไปจะจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรที่เรียกว่า "คอนเสิร์ทการเมือง"ในทุกวันเสาร์ โดยเริ่มในวันที่ 20 พ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะเริ่ม ที่สวนลุมพินีก่อนจากนั้นจะย้ายไปจัดตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ และจะมีแกนนำพันธมิตรฯมาร่วมให้ความรู้ด้วย
นายสนธิ เชื่อว่าภายในเดือนพ.ค.นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะหากศาลตัดสินว่าการออกพฤษฎีกาเลือกตั้งมิชอบใครต้องรับผิดชอบ หรือถ้าตัดสินใว่า การจัดการเลือกตั้งมิชอบใครต้องรับผิดชอบ ซึ่งในการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ฯจะนำมาเปิดเผยถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ทราบเหมือนกับการจุดเทียนแห่งปัญญาเล่มที่ 2
แกนนำพันธมิตรฯผู้นี้ยังชี้ให้เห็นถึงการเปิดช่องทางข้อมูลข่าวสารจนทำให้เกิดการโนโหวตถึง10 ล้านเสียง บวกกับบัตรเสียอีก 5 ล้านใบ ดังนั้นจึงนำไปสู่การกลั่นแกล้งเอเอสทีวีตลอดเวลา แต่เวลานี้ศาลปกครองสูงสุดได้คุ้มครองผู้ชมรายการเมืองไทยฯหากถูกปิดกั้นจากอำนาจรัฐต่อไปนี้ขอให้รับรู้ได้ว่าสามารถฟ้องร้องได้ เพราะศาลปกครองได้เปิดช่องเอาไว้ให้แล้ว และย้ำว่าจะใให้เอเอสทีวีเป็นเครือข่ายประชาชนเพื่อให้ความรู้ โดยตนเองจะมาร่วมจัดรายการทางนิวส์วันทุกวันๆละครึ่งชั่วโมง โดยใช้ชื่อว่า "คิดอะไรไม่ออกให้บอกสนธิ" เป็นการตอบคำถามกับประชาชนร้อยแปด
ในตอนท้าย นายสนธิ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้เหมือนกับการสั่งลา แต่ไม่ใช่ เพราะถ้าตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่ตกอยู่ในมือของเราก็จะไม่เลิก จะออกมาชุมนุมต่อไป
ทั้งนี้การชุมนุมได้ยุติลงในเวลาประมาณ 23 .00 น.