นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอแนวคิดให้มีการตั้งรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติขึ้นหลังการเลือกตั้งว่า
ขณะนี้มีการเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตยเริ่มขึ้นแล้ว เป็นแนวทางที่จะนำความสมานฉันท์กลับคืนมา ทั้งนี้ หากต้องการเห็นการเลือกตั้งที่สมานฉันท์ ทุกพรรคจะต้องหาเสียงในลักษณะสร้างสรรค์ นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่โจมตี ใส่ร้าย สร้างความขัดแย้งทางการเมือง บรรยากาศก็จะดีขึ้น ส่วนหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของแต่ละพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณมีความคล้ายคลึงกับแนวคิดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยเสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่ตนเห็นว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องดังกล่าว เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ประชาชนจะเกิดความสับสน
ตอกกลับอย่าสร้างความแตกแยก
“ตอนนี้ยังเร็วไป เดี๋ยวประชาชนจะสับสนเห็นพรรคการเมืองมาหาเสียงแปลว่าอะไร ถ้าหลังเลือกตั้งทุกพรรคไปเป็นรัฐบาล เอาเป็นว่าตอนนี้ทุกพรรคนำเสนอนโยบายของตัวเอง หากต้องการเห็นความสมานฉันท์เกิดขึ้นควรหยุดเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับการสร้างความแตกแยก ควรน้อมนำกระแสพระราชดำรัสเรื่องความสามัคคีมาใช้ ให้เห็นความชัดเจนในช่วง 10 กว่าวันสุดท้าย” นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่มีการแจกซีดีของ พ.ต.ท. ทักษิณในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานเพื่อดึงคะแนนเสียงนั้น ต้องดูว่าเกี่ยวข้องกับการบริหารงานในพรรคหรือไม่เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แต่ถ้าเป็นการแสดงความคิดเห็นถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ อยากให้การเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.นี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับประชาชนและประเทศ อย่าไปให้การเลือกตั้งเป็นเรื่องของการติดหล่มกับดักของการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของคนบางกลุ่ม
ปัดแนวคิด ทักษิณ ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
แนะหยุดออกคลิปวีดิโอด่าคนอื่น
ต่อมาในช่วงเย็น พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยที่ลานกิจกรรมวิคตอรี่ พอยต์ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า มีคนเสนอให้ตั้งรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติเพื่อความปรองดอง แต่ตนอยากบอกว่า การปรองดองไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว ขอให้ทำตอนนี้ ไม่ใช่ทำหลังเลือกตั้ง โดยพิสูจน์ให้เห็นด้วยการหยุดออกคลิปวีดิโอด่าคนอื่น แล้วเรื่องปรองดองค่อยมาคุยกัน ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ทำมาตลอด แต่อีกพรรคที่อดีตนายกฯหนุนหลังอยู่นั้น หัวหน้าพรรคขึ้นเวทีที่ไหนก็ด่าที่นั่น ส่วนที่มีการทำโพลออกมาจากหลายสำนักนั้น โพลบางสำนักทำไม่ถูกหลักวิชาการ ทั้งที่ผลโพลของจริงออกมาสูสี ถ้าเลือกตั้งตอนนี้เลย พรรคประชาธิปัตย์อาจแพ้ แต่ระยะเวลาที่เหลืออีกสิบกว่าวันจะตระเวนหาเสียงทั่วประเทศเพื่อเก็บทุกแต้มให้ ได้มากที่สุด
“สุวิทย์” ฟันธงเกิดยาก
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 07.00 น. นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เดินทางไปช่วยหาเสียงให้ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ โดยเข้าสักการะหลวงพ่อพาน วัดมงคลโพธาวาส จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ ก่อนจะเข้าอุโบสถนายสุวิทย์ได้เผลอเหยียบขี้แมวเข้าเต็มเปา จนต้องถอดถุงเท้าทิ้ง หลังจากนั้นได้เข้าไปเดินหาเสียงที่ตลาดสดบางบ่อ และปั่นรถสามล้อทักทายชาวบ้าน
นายสุวิทย์ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติว่า แนวคิดนี้เป็นไปได้ยาก เพราะฝ่ายหนึ่งประกาศชัดเจนว่าไม่เอากับอีกฝ่ายหนึ่ง ฉะนั้นพรรคเพื่อแผ่นดินอยากเรียกร้องให้สลายขั้วทางการเมือง เพราะเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง นอกจากนี้ อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับมาขึ้นศาลที่ประเทศไทย เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองถูกหรือผิด เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างคนที่ชอบและไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณจะได้ยุติลงเสียที แต่ทุกคนต้องยอมรับในคำตัดสินของศาล ส่วนกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน โจมตีนโยบายพรรคเพื่อแผ่นดินว่าเป็นนโยบายก๊อบปี้เกรดเอนั้น ยืนยันว่าพรรคเพื่อ แผ่นดินไม่ได้ก๊อบปี้ใคร หากจะมาชวนทะเลาะตนก็จะไม่ทะเลาะด้วย เพราะไม่อยากเห็นความขัดแย้ง
“เด็กเติ้ง” ฉะซ้ำไอเดียเพ้อฝัน
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การชูประเด็นจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติในช่วงเวลานี้เป็นแนวคิดที่เพ้อฝัน ไม่มีทางที่เป็นไปได้ คาดว่าทุกพรรคการเมืองคงปฏิเสธแนวคิดนี้ เนื่องจากปฏิบัติจริงลำบาก และจะเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะการที่จะให้ทุกพรรคร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะกลายเป็นการใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภา ทำให้ไม่มีการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารเลย ที่สำคัญจะไม่มีการถ่วงดุลอำนาจ ผิดหลักการในระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ ขอถามว่าเมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อนเคยมีคนเสนอแนวคิดทำนองนี้ เรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติเพื่อสร้างความสมานฉันท์ ก่อนที่จะมีความขัดแย้งในสังคมอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศชาติต้องการมากที่สุด แต่ผู้ที่มีอำนาจในขณะนั้นกลับไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนั้น
“เสนาะ” หนุนส่งให้อยู่ยาว 4 ปี
ที่ จ.สุรินทร์ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เดินทางไปตระเวนช่วยหาเสียงให้ทีมผู้สมัครส.ส.สุรินทร์ทั้ง 3 เขต โดยนั่งรถสามล้อถีบทักทายประชาชนที่มาซื้อของที่ตลาด นอกจากนี้ นายเสนาะให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ข้อเสนอแนะของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ให้มีการจัดตั้ง รัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติขึ้นมาบริหารประเทศเป็นเวลา 2 ปีว่า เห็นด้วยเป็นแนวคิดที่ดี ประเทศชาติต้องการความสามัคคีสมานฉันท์ ที่จะแก้วิกฤติความแตกแยก ซึ่งตรงตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะตั้งแต่เริ่มมีการตั้งพรรคการเมืองแต่ละพรรค ตนก็เห็นแต่ความขัดแย้ง หากได้รัฐบาลแห่งชาติที่ดี มีความซื่อสัตย์ ทำไมต้องอยู่แค่ 2 ปี ขอสนับสนับสนุนให้อยู่ครบวาระ 4 ปี
เชื่อไม่ใช่แผนเรียกคะแนนสงสาร
ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมาเสนอแนวคิดดังกล่าวในขณะนี้เพื่อเรียกคะแนนเสียงหรือไม่ นายเสนาะตอบว่า อย่ามองในแง่ร้ายหรือคิดอคติต่อกัน เราควรมองที่เจตนาและให้เกียรติกับทุกคน การพูดเช่นนี้ก็เป็นข่าวไปทั่วโลก เชื่อว่าคงไม่ใช่การปลุกเร้าเพื่อเรียกผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆ เพื่อเรียกคะแนนเสียงหรือขอคะแนนสงสาร ดังนั้นอย่าไป มองเป็นเกมการเมือง
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าจะไม่ขอรับตำแหน่งนายกฯอีก นายเสนาะกล่าวว่า “อาจเป็นปณิธานของน้องทักษิณ แต่ขออย่าเพิ่งรีบปฏิเสธความรับผิดชอบตรงนี้ เพราะอายุแค่ 50 ปีกว่าๆ ยังไม่ถึง 60 ปีเลย หากน้องทักษิณบุญดี วาสนาส่ง และบริสุทธิ์ ก็ สามารถเข้ามาทำงานได้ แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ขอให้น้องทักษิณถือว่าสิ่งที่ผ่านมาแล้วเป็นความผิดพลาด แต่ถ้ามีความตั้งใจดีต่อบ้านเมือง ทำงานต่อได้ เพราะเคยผ่านการทำงานมาแล้วและมันง่ายกว่าการต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่”
“เชษฐา” ชี้แนวทางตั้งรัฐบาล
เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นำทีมผู้สมัคร ส.ส. กทม.และทีมผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทราบางเขต เดินทางไปที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสักการะองค์หลวงพ่อโสธรและเข้ามนัสการพระพิมลภาวนาพิธาน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร จากนั้น พล.อ.เชษฐาปล่อยนกพิราบสีขาว 9 ตัว เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความสมานฉันท์ แต่ปรากฏว่ามีนกพิราบตัวหนึ่งพอออกจากกรงก็โผไปเกาะที่ไหลขวาของพล.อ.เชษฐา แล้วขี้รดใส่ เป็นคราบเปื้อน ก่อนจะบินหนีไป ทีมงานต้องรีบหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้
พล.อ.เชษฐากล่าวว่า พาผู้สมัคร ส.ส.มากราบไหว้ องค์หลวงพ่อโสธรเพื่อความเป็นสิริมงคล คาดว่าผู้สมัครของพรรครวมใจไทยฯจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาไม่ต่ำกว่า 30 คน ก็คงต้องสู้กันเต็มร้อย ส่วนที่คาดกันว่าพรรคที่ได้รับเลือกตั้งเข้าไปมากจะได้จัดตั้งรัฐบาลนั้น ในรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุเอาไว้ ดังนั้นพรรคที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ยิ่งโค้งสุดท้ายต้องงัดกลยุทธ์กันอย่างเต็มที่