'ยิ่งลักษณ์' บอกส่งนักบอลไทยไปชุบตัวที่ 'แมนซิตี้'
หวังแข่งบอลโลก อ้างไร้การเมืองอยู่เบื้องหลัง ปัดตอบเรื่องเพิ่มคะแนนนิยม พปช.
นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
พร้อมด้วยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม และนายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ช่วยผู้จัดการทีมฟุตบอลไทยชุดฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบแบ่งกลุ่ม 20 ทีมสุดท้าย ร่วมกันแถลงข่าวมูลนิธิไทยคมสานฝันฟุตบอลไทยสู่ระดับโลก ที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม โดยมีนายพานทองแท้ ชินวัตร กรรมการบริหารสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ ร่วมงาน
มูลนิธิไทยคมจะเป็นผู้ประสานงานนำ 20 นักเตะทีมชาติไทย
ชุดเตรียมทีมสู้ศึกคัดเลือกฟุตบอลโลก โซนเอเชีย ที่ไทยอยู่กลุ่ม 2 ร่วมกับ ญี่ปุ่น, โอมาน และบาห์เรน ไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่แมนฯ ซิตี้ ในประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 6-17 ธันวาคม 2550
นอกจากนี้
ยังมี 3 ผู้รักษาประตูทีมเยาวชนไทยประกอบด้วย กวิน ธรรมสัจจานันท์, แซมมวล ป.คันนิ่งแฮม และกนกศักดิ์ วงศ์รัตนวิจิตร ร่วมทีมไปเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากสตาฟฟ์โค้ชของทีมเรือใบสีฟ้าด้วย โดยนักเตะไทยจะลงฝึกซ้อมที่สนามคาร์ลิงตัน ฟิลด์ สนามซ้อมของแมนฯ ซิตี้ และมีโปรแกรมชมเกมเตะพรีเมียร์ชิพที่แมนฯ ซิตี้ จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของโบลตัน ในวันที่ 15 ธันวาคม จากนั้นมีคิวลงเตะกระชับมิตรกับทีมชุดใหญ่ผสมทีมสำรองของแมนฯ ซิตี้ ในวันที่ 16 ธันวาคม และรับประทานอาหารค่ำร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประธานสโมสรก่อนเดินทางกลับประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น
นางสาวยิ่งลักษณ์กล่าวว่า
มูลนิธิไทยคมจะมุ่งเน้นการพัฒนาด้านกีฬาของเยาวชนไทยควบคู่กับการพัฒนาเรื่องการศึกษา และต้องการมีส่วนผลักดันสานฝันของคนไทยที่ต้องการเห็นทีมฟุตบอลไทยร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกในอนาคต
นายวรวีร์กล่าวว่า
การมีโอกาสไปเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกับสโมสรชั้นนำในอังกฤษเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะสานฝันทีมฟุตบอลไทยให้ผ่านเข้าไปแข่งขันรอบ 10 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ขณะเดียวกันยังเป็นการเตรียมทีมฟุตบอลไทยร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 38 ระหว่างวันที่ 22-28 ธันวาคม มี 4 ทีมร่วมฟาดแข้งประกอบด้วย ไทย, เกาหลีเหนือ, อิรัก ส่วนอีก 1 ทีมกำลังตัดสินใจเชิญพม่าร่วมแข่งขันแทนสิงคโปร์ที่เพิ่งแจ้งขอถอนทีม ซึ่งหากพม่าไม่มาร่วมแข่งขันยังมีอุซเบกิสถาน, จอร์แดน หรือเติร์กเมนิสถาน มาแทน
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า
การส่งนักเตะไทยไปครั้งนี้ ไม่ได้หวังผลเกี่ยวกับทางการเมือง เพียงเพื่ออยากสร้างโอกาสให้กับเยาวชนไทยที่มีความสามารถในการเล่นฟุตบอล แต่ยังขาดปัจจัยเสริม ส่วนการแถลงข่าวครั้งนี้จะเพิ่มคะแนนนิยมให้กับพรรคพลังประชาชนหรือไม่นั้น ไม่ทราบ และขอร้องให้ผู้สื่อข่าวถามแต่เรื่องมูลนิธิเท่านั้น