ปชป.หาเสียงหยุดขึ้นราคาก๊าซ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 2 ประกอบด้วย

นายกรณ์ จาติกวาณิช นายสมเกียรติ ฉันทวานิช และ นายอนุชา บูรพชัยศรี พร้อมทั้งประกาศแผนปฏิบัติการเร่งด่วน 99 วันทำได้จริง เรื่องการหยุดขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ที่ร้านแก๊สเตาทอง ปากซอยจันทน์ 15/1 โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าววว่า การตัดสินใจขึ้นค่าก๊าซหุงต้มของรัฐบาลปัจจุบันเป็นการตัดสินใจที่ผิด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระยะยาวของประเทศ  ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายจะหยุดการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และไม่เพิ่มภาระค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเศรษฐกิจภาครวม และไม่กระทบต่อการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เพราะจะเก็บเฉพาะน้ำมันเบนซินเท่านั้น ซึ่งขณะนี้สามารถเพียงพอที่ทยอยจ่ายหนี้ได้
 
“ก๊าซหุงต้มถือเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับประชาชนทุกครัวเรือน หากมีการเพิ่มก็เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มต้นทุนให้สูงขึ้น ประชาชนก็ไม่มีทางเลือก การขึ้นราคาเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกจุด รัฐบาลควรควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมและรถยนต์โดยตรงมากกว่า และการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานรัฐบาลควรมีนโยบายที่เป็นเอกภาพ และควรจะมีการลงทุนสร้างโรงแยกก๊าซของประเทศ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อสร้างรถไฟฟ้านั้น ถือว่าไม่เหมาะสม

แต่ขั้นตอนที่ถูกต้องคือ ประชาชนต้องมีทางเลือกก่อนว่าจะใช้รถไฟฟ้าหรือรถเมล์ แต่การเก็บเงินกองทุนน้ำมันและเพิ่มราคาก๊าซหุงต้มเพื่อนำมาใช้ก่อสร้าง จะเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับประชาชน และการที่รัฐบาลมีนโยบายให้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีมากขึ้นก็ถือเป็นเรื่องที่ตลก เพราะขาดแคลนก๊าซดังกล่าว ดังนั้น รัฐบาลควรจะลดต้นทุนการใช้ก๊าซในครัวเรือน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
 
ด้านนายสาวิตต์ โพธิวิหค คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า

บริหารจัดการนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลยังไม่เป็นเอกภาพ มีการแยกการทำงานชัดเจน ระหว่างกระทรวงการคลัง ที่ต้องการ  มุ่งจัดเก็บเฉพาะรายได้ กระทรวงพลังงานที่ เน้นเฉพาะเรื่องการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน และธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีการแทรกแซงค่าเงินบาท จึงส่งผลกระทบต่อภาครวมของเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงต้องปรับปรุงโครงสร้างภาษีด้านพลังงานใหม่ เพราะโครงสร้างเดิมใช้มากว่า 10 ปี แล้ว.