ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกระแสข่าวว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะยื่นใบลาออกจากพรรค นายบรรหารกล่าวว่า
ไม่รู้เรื่องเลย และไม่ทราบเรื่อง คงจะมอบหมายให้นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค ตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนตนไม่สนใจและไม่มีความเห็นต่อข้อถามว่า มีบางพรรคการเมืองออกมาระบุว่า ถูกทหารออกมาสกัดกั้น หรือกดดันในภาคอีสาน และภาคเหนือ ในส่วนของพรรคชาติไทยมีหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า เท่าที่ฟังไม่มี วันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทหารด้วย “ ผมว่าเรื่องนี้ต้องไปดูว่าทำอะไรไว้บ้าง เก่าๆเคยมีการใช้อำนาจอะไรหรือไม่ ตอนนี้ก็เลยเกิดความหวาดระแวง โดยเฉพาะเมื่อปี 2548 คงต้องไปถาม พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนืออยู่ด้วย” นายบรรหารกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า โพลล์ที่ออกมาจะมีผลกระทบต่อการหาเสียงของพรรคหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า
โพลล์ที่ออกมากันเอิกเกริกตอนนี้ เพราะมาจากตำรวจสันติบาลไม่รู้ว่า ออกมาได้อย่างไร ในลักษณะแบบนั้น ทั้งชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ซึ่งตนเห็นด้วยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมากำชับแล้วว่าโพลล์ที่ทำต้องเป็นความลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ยอมรับว่าโพลล์ต่าง ๆที่ออกมา ทำให้บางพรรคมีผลกระทบเหมือนกัน บางพรรคก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนี้ไปได้ อย่างโพลล์ตำรวจที่ออกมา บางพรรคได้เยอะแยะ เขาก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะต่างคนก็ต่างมีโพลล์ตัวเองเหมือนกัน ถ้าทำมาก็เป็นความลับต้องรู้ภายในเฉพาะเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามคงไม่ส่งให้กกต.ตรวจสอบโพลต่าง ๆ
“ ผมก็มีการสำรวจทุกภาค และเจาะบางจังหวัด ส่วนโพลล์จากที่อื่นก็นำมาเป็น ส่วนประกอบในการพิจารณาเท่านั้นเอง และโพลต่าง ๆที่ออกมาขณะนี้ยังเปลี่ยนแปลงได้อีกโดยการเปรียบเทียบผู้สมัครตัวต่อตัวเชื่อว่าพรรคที่ได้อันดับ 1 และ 2 เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคพลังประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่แน่พรรคประชาธิปัตย์อาจจะได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ก็ได้ ขณะนี้พรรคชาติไทยจะได้อันดับ 4 ไม่เชื่อว่าจะได้อันดับ 3 ตามผลโพลล์ แต่ก็ไม่วิตกที่พรรคชาติไทยไม่ติดอันดับ 1 หรือ 2 เพราะที่ผ่านมาพรรคชาติไทยก็ตามหลังมาตลอดอยู่แล้ว ตอนนี้พรรคชาติไทยก็พยายามรักษาชีวิตเท่านั้นเอง ”นายบรรหาร กล่าว
นายบรรหาร กล่าวต่อว่า พรรคชาติไทยคงไม่ได้เป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล
ใครจะเป็นรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่พรรคชาติไทย แต่ขึ้นอยู่กับที่ความสามารถ บุคลากร และผู้ประสาน ว่าใครจะเกลี่ยกล่อมได้ดีกว่ากัน สมัยก่อน 5-6 พรรคจัดรัฐบาลถึง 7 วัน 7 คืน กว่าจะสำเร็จเมื่อถามว่า หากพรรคที่ได้อันดับ 1 และ 2 ไม่มีความสามารถในการจัดตั้งรัฐบาล จะลงไปดำเนินการเองหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็นผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าการสับหลีกบางพื้นที่ในภาคอีสาน นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงเพราะเราส่งเฉพาะพื้นที่หวังผล และจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ไม่มีการสับหลีกให้กับพรรคใด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อแผ่นดิน ประชาธิปัตย์ หรือพรรคการเมืองอื่น ๆ เช่น จังหวัดอุบลราชธานี นครสวรรค์ และชัยภูมิ จะต้องต่อสู้กันเต็มที่ ซึ่งก็เป็นอย่างนี้มาตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบรรหาร ได้กล่าวถึงอาการท้องเสียว่า สาเหตุมาจากการการที่ตนกินขนุน ระหว่างที่ไปหาเสียงที่ตลาดภาษีเจริญ
ซึ่งเห็นขนุนน่าทาน ก็เลยซื้อมากิน แต่มือสกปรกคงทำให้เกิดอาการท้องเสีย เพราะเมื่อวานไม่ได้กินอะไรเลย ระหว่างการเดินทางจากกรุงเทพฯไปนครสวรรค์ แวะเข้าห้องน้ำ 8 หน และยังไปเข้าที่นครสวรรค์ 6 หน รวมเป็น 14 หน จึงได้ไปพบแพทย์เพื่อขอยาไปรับประทาน ซึ่งวันนี้ก็หยุดถ่ายแล้ว อาการดีขึ้น ในขณะที่นายบรรหารกล่าวก็ได้แสดงท่าทางว่า ตนเองแข็งแรงดี โดยกำปั้น 2 ข้าง และชกลมเพื่อโชว์ความแข็งแรง