เผยผลสอบฆ่าตัดตอนคตน.พบ1,400 ศพ ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด

เผยผลสอบฆ่าตัดตอน2,500 ศพ ของ คตส. พบ 1,400 ศพ ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมระดมความเห็นนักวิชาการวางกลไกเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ปฏิเสธคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
 

นายคณิตณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบศึกษาและวิเคราะห์นโยบายปราบปรามยาเสพติด และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน (คตน.) เป็นประธานการประชุมระดมความคิดเห็นถึงมาตรการป้องกันทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้มีการนำนโยบายปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อประชาชน โดยมีบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม และนักวิชาการด้านอาชญาวิทยาและนิติศาสตร์กว่า 50  คน เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น
 
นางจุฑารัตน์เอื้ออำนวย อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอปรับโครงสร้างและกลไกในทางบริหารไม่ให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติรับคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

และควรกำหนดจรรยาบรรณความรับผิดชอบของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในส่วนกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้าโดยเฉพาะคดียาเสพติดควรจัดตั้งเป็นแผนกคดียาเสพติด เพื่อให้การพิจารณาคดีเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้อาจต้องนำมาตรฐานองค์การสหประชาชาติว่าด้วยกระบวนการยุติธรรมทางอาญามาปรับใช้ ซึ่งยูเอ็นมีข้อห้ามชัดเจนไม่ให้รัฐบาลออกคำสั่งหรือยุยงส่งเสริมให้บุคคลใดไปประหารชีวิตบุคคลอื่นโดยไร้เหตุผลและรวบรัด รวมถึงการกำหนดความผิดทางอาญาต่อผู้ที่ใช้กำลังบังคับให้บุคคลหายสาบสูญทุกรูปแบบ

ด้านนายกุลพล พลวัน อัยการอาวุโส กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงาน พบว่าคดีสามัญฆาตกรรมสอบสวนไม่ยาก 

เพราะผู้ลงมือทำรับสารภาพว่าเป็นคนยิงแต่คดีฆ่าตัดตอน ที่ตำรวจบอกว่าฆ่ากันเองเพื่อตัดตอนของนักค้ายาเสพติดและไม่สามารถระบุตัวคนร้ายดังนั้น 2,500 ศพ รื้อลำบาก เพราะไม่มีพยาน ทำได้แค่ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ขณะที่นายอุทัยอาทิเวช ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการศึกษาและวิจัยมาตรการทำความเข้าใจต่อนานาประเทศ  เชื่อว่าผลงานของ คตน.จะชี้แจงกับต่างประเทศให้เข้าใจได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติขอให้หลีกเลี่ยงคำสั่งที่ขัดต่อกฎหมาย โดยคำนึงเสมอว่าผู้สั่งวันหนึ่งก็ต้องไป แต่กฎหมายและคดีจะติดตัวผู้ปฏิบัติไปตลอด

ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ปปส.) ระบุว่า 

จากการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ คตน.พบว่าการเสียชีวิต 2,500 ศพ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน2546 พบว่า 1,400 ศพ เสียชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีเพียง 1,100 ศพเท่านั้นที่ผู้ตายมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด โดยการเสียชีวิตเกิดขึ้นมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และค่อยๆ ลดลงในเดือนมีนาคม และเมษายน เนื่องจากในช่วงแรกที่ประกาศนโยบายขาดความชัดเจน ทำให้สื่อความหมายในทางที่ผิด