นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า
ที่ผ่านมาได้แสดงความเห็นในการบริหารงานใน พรรคแบบรวมศูนย์ แบบหลงจู๊ พอมาวันนี้ต้องออกมาพูด ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทยเป็นครั้งสุดท้าย เพราะได้ตัดสินใจจะลาออกจากพรรคแล้ว แต่ก่อนออกก็ขอพูดถึงการประกาศสลายขั้วของพรรคชาติไทยที่กำลังร้อนๆอยู่ว่า รับไม่ได้กับพฤติกรรมกลับไปกลับมาของหัวหน้า เพราะการอ้างว่า สลายขั้วพร้อมเป็นมิตรกับทุกพรรค เป็นการเล่นการเมืองของนักการเมืองรุ่นเก่า วิธีนี้ใช้ได้ผลเมื่อ 30 ปีก่อน แต่ปัจจุบันใช้ไม่ได้แล้ว
เพราะต้องประกาศให้ ชัดเจนว่า นโยบายพรรคจะทำอะไร อยู่ขั้วไหน
เพื่อเป็น ทางเลือกให้ชาวบ้าน การพูดว่า หลังเลือกตั้งค่อยมาดูกันว่าใครได้ตัวเลขเท่าไหร่ เปรียบเหมือนกับเล่นไฮโลเปิดถ้วยแทง หลอกชาวบ้านให้ลงคะแนนให้ก่อน แล้วค่อยรู้ ทีหลังว่าพรรคไหนจะอยู่ข้างใคร ขอถามแล้วที่ไปกินข้าว ร่วมกันมาตลอด 2 ปี ของ 3 พรรค แสดงว่าเป็นการเล่นจำอวดทางการเมืองเพื่อหลอกชาวบ้านหรือ วันนี้พูดถึงผู้ใหญ่ที่นับถือมา 30 ปี เดี๋ยวจำได้ เดี๋ยวจำไม่ได้แล้ว
“จึงได้ตัดสินใจซื้อหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ ลงประกาศเจตนารมณ์ขอลาออกจากพรรคชาติไทย โดยระบุว่า เนื่องด้วยมีอุดมการณ์และจุดยืนทางการเมือง ที่แตกต่าง และไม่สามารถเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เข้ากับนโยบาย พรรคชาติไทยในขณะนี้ได้ ที่ผ่านมามีความขัดแย้งกับ พรรคชาติไทย ขอบอกว่าไม่ต้องการฝืนใจตัวเอง ทำงาน เพื่อหวังเติบโตทางการเมือง อุดมการณ์ จุดยืนเป็นสิทธิของผม ใครจะบังคับไม่ได้ เสรีภาพทางการเมือง อิสระทางความคิดสามารถแสดงออกได้ ไม่มีใครตีกรอบให้เดิน ผมเป็นตัวของผมเอง นี่คือการเมืองของชูวิทย์ เลือกตั้งครั้งนี้ ขอเว้นวรรคไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง การเมืองไม่ใช่ ธุรกิจ สำหรับผมเป็นภารกิจที่สิ้นสุดได้ การเมืองไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าเป็นการเมืองที่ซ้ำซาก บรรดานักการเมือง ที่โลดแล่นบนเวที มีวนเวียนกันอยู่แค่ไม่กี่คน หวังประโยชน์ ของพรรคมากกว่าชาติ รู้จักคำว่าแพ้ หรือชนะ แต่ไม่รู้จักคำว่าถูกหรือผิด เรียกร้องคำว่าสมานฉันท์ เมื่อตัวเองได้ ประโยชน์เท่านั้น การเมืองจึงเป็นเรื่องของนักการเมือง ไม่ใช่เรื่องของประชาชน” นายชูวิทย์กล่าวในที่สุด