เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พ.ย. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่
นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ได้เป็นประธานเปิดการประชุมการฝึกอบรมพนักงานสืบสวนสอบสวน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. รุ่นที่ 1 โดยมีตัวแทนพนักงานสืบสวนสอบสวน กกต.จังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด เข้าร่วมการประชุม โดยนายสมชัยกล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้บ้านเมืองเราเสียโอกาสในการเป็นแนวหน้าทางการเมือง ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมากว่า 1 ปีเศษ ประเทศเกิดความสับสนแตกแยก ประชาชนไม่มั่นใจการเมือง ต่างชาติถอนการลงทุน แม้ก่อนหน้านี้ประเทศจะอยู่ในระดับต้นๆ ของภูมิภาค แต่ตอนนี้ประเทศเราอยู่ ระดับเดียวกับประเทศพม่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนถ่าย จากการยึดอำนาจมาสู่ประชาธิปไตย ทำให้ ทุกฝ่ายจับตามองว่า กกต.จะสามารถจัดการเลือกตั้งให้ สุจริตและเที่ยงธรรมได้หรือไม่
วอนทุกฝ่ายร่วมชี้ชะตาอนาคตชาติ
“ดังนั้น อนาคตประเทศจึงอยู่ที่การสืบสวนสอบสวน กรองคนดีเข้าสภา พนักงานสืบสวนต้องวางตัวเป็นกลาง รู้กฎระเบียบให้ถูกต้องแม่นยำ น่าเชื่อถือเพื่อป้องกันการถูกร้องเรียนว่าไม่เป็นกลาง การเลือกตั้งถือเป็นการชี้อนาคตของประเทศ อยากให้ทุกฝ่ายเกิดความภาคภูมิใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายโอนอำนาจให้ ประเทศไปสู่ประชาธิปไตย หากถ่ายโอนได้สำเร็จก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ และทุกฝ่ายควรทำงานให้ดีที่สุดให้ประเทศมีประชาธิปไตยที่ทั่วโลกยอมรับ ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวกังวลว่าหลังการเลือกตั้ง กกต.จะสามารถปักธงให้เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายได้หรือไม่ ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องตั้งใจให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ ให้ประชาธิปไตยของไทยเป็นที่ยอมรับ” นายสมชัยกล่าว
สรุปซื้อเสียงโคราชภายในสัปดาห์นี้
นายสมชัยกล่าวการจับกุมนายตี๋ แซ่เหล็ก ที่อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา พร้อมเงินสดเย็บติดกับรายชื่อชาวบ้าน และรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน เขต 3 จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมานี้ ว่า กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการฝ่ายสืบสวนสอบสวนจากส่วนกลาง ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นการกระทำนั้นเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า กกต.จังหวัดนครราชสีมาได้สรุปสำนวนเสนอมายัง กกต.กลางแล้วนั้น เป็นเพียงการรายงานความคืบหน้ามาให้ทราบเท่านั้น โดย ข้อเท็จจริงยังอยู่ระหว่างสืบพยานหลักฐานแวดล้อมต่างๆให้แน่ชัด ทั้งนี้ คาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน หากตรวจสอบพบว่ามีความผิดจริง และเป็นการกระทำเพื่อทุจริตเลือกตั้ง ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ก็จะเป็นอำนาจของ กกต.ที่จะพิจารณาให้ใบแดงใบเหลือง แต่หากข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำในเรื่องการทุจริตการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องพิจารณาว่าเป็นความผิดในทางอาญาหรือไม่ ต้องรอผลสรุปที่แน่ชัดอีกครั้ง