อ้างจ้างคนฟังปราศรัยไม่ผิด ซื้อเสียงส่อล้ม ตร.คืนเงินของกลางเด็กพปช.

ปลอมลายเซ็นต์ : นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นรดิน และผู้สมัคร ส.ส. แบบสัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 4 โชว์หลักฐานด้วยการเปรียบเทียบลายเซ็นต์ ที่อ้างว่าถูกปลอมในการสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนจนถูกกกต.ตัดสิทธิ์เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน

กกต.ยอมรับไม่กล้าชี้เข้าข่ายหรือไม่
เพื่อแผ่นดิน-พลังประชาชนซัดกันนัว
โยนบาปปลอมลายเซ็น-ถูกตัดสิทธิ

ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพ.ต.อ.สุขโสภณ มดิศร ผกก.สภ.อ.พระทองคำ กิ่ง อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา บุกเข้าตรวจค้นปั้มน้ำมันของนายตี๋ แซ่เหล็ก ยึดเงินสด 10,700 บาท และเงินเย็บติดกับปฏิทินที่มีบัญชีรายชื่อชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน จำนวน 3 ซองๆละ 500 ,700 และ900 บาท พร้อมชื่อผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชาชน 3 คน จนถูกสงสัยว่าเตรียมการซื้อเสียงเลือกตั้งให้กับผู้สมัครนั้น


หัวคะแนนซัดพปช.จ้างขนคน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายนายจักรชัย ระหา พนักงานสืบสวนสอบสวนคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่อ.พระทองคำเพื่อสอบปากคำนายตี๋ว่าเกี่ยวข้องกับการซื้อเสียงหรือไม่

จากนั้นพ.ต.อ.พงษ์เดช เปิดเผยว่า เบื้องต้นนายตี๋ ให้การยืนยันว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายน้ำมันของปั๊มตนเองทั้งหมดส่วนเงินที่เย็บติดกระดาษปฏิทินและใส่ซองไว้นั้นเป็นเงินค่าจ้างเหมารถจากหมู่บ้านต่างๆ เพื่อให้ขนคนไปฟังการปราศรัยเปิดตัวผู้สมัครพรรคพลังประชาชนที่วัดกุดตาดำต.ทับรั้ง อ. พระทองคำ เมื่อคืนวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา

ตร.คืนของกลางอ้างไม่เข้าข่าย

ทั้งนี้นายตี๋บอกว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินของนายตี๋ฯเองและได้สำรองจ่ายเป็นค่าจ้างรถทั้งหมดก่อนจากนั้นหัวคะแนนจะนำเงินมาคืนให้ในภายหลังและจากการสืบสวนข้อมูลในทางลึกพบว่านายตี๋เป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งในอ.พระทองคำ เวลาที่นักการเมืองคนใดต้องการหาเสียงในพื้นที่อ.พระทองคำก็จะให้นายตี๋เป็นคนเกณฑ์ชาวบ้านมาฟังปราศรัยให้
"ในกรณีจ้างรถขนคนไปฟังการปราศรัยนั้นทางกกต.ระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของผู้สมัครไม่เข้าข่ายผิดกฏหมายในชั้นต้นนี้ตำรวจและฝ่ายสืบสวนสอบสวนของกกต.ยังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดนายตี๋ได้ทางตำรวจจึงต้องคืนเงินที่ตรวจยึดมาได้ทั้งหมดคืนแต่ตำรวจก็จะส่งชุดเฝ้าระวังพฤติกรรมของนายตี๋ต่อไปและจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อกกต.จังหวัดและกกต.กลางเพื่อพิจรณาต่อไป"พ.ต.อ.พงษ์เดชระบุ

พปช.ได้ทีโต้ไม่รู้จัก"นายตี๋"

ต่อมาเวลา 14.30 น. นายบุญเลิศ ครุฑขุนทด ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 และนายอัสนี เชิดชัย ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน โซน 5 พรรคพลังประชาชน และเป็นสามีของนางลินดา เชิดชัย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 ได้เปิดแถลงข่าวทันทีว่า พวกตนไม่เคยรู้จักกับนายตี๋และนายตี๋ ก็ไม่ใช่หัวคะแนนหรือเป็นบุคคลที่เรามอบหมายให้ไปทำงานในด้านการหาเสียงเลย และไม่เคยซื้อเสียง
"เมื่อเจ้าหน้าที่คืนเงินให้กับนายตี๋ไปแล้วเพราะเห็นว่าไม่เข้าข่ายผิดกฏหมาย ดังนั้นสรุปว่าเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากคู่แข่งจึงให้ทนายความไปแจ้งความไว้กับตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานว่ามีคนแอบอ้างเป็นหัวคะแนนและทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง"นายบุญเลิศ"กล่าว

กกต.โคราชยันเป็นเด็กพปช.

ด้านนายเมธา ศิลาพันธ์ ผอ.กต.จว.นครราชสีมา กล่าวว่า กกต.จังหวัดได้ให้แนวทางกับตำรวจในท้องที่ที่พบเหตุการณ์ดังกล่าวว่า หากพบเงินใส่ซองไว้ซองละ 500 บาท 1 ซอง และ 200 บาท 2 ซอง เป็นการเตรียมไว้สำหรับจ่ายค่ารถ เพื่อพาผู้มีสิทธิมาฟังปรายศรัย โดยไม่ได้มีการจูงใจให้ผู้มีสิทธิไปลงคะแนนให้ใคร การว่าจ้างนั้นก็จะถือเป็นค่าใช้จ่ายของผู้สมัคร แต่หากพบว่าเป็นการเตรียมไว้จ่ายให้กับผู้มีสิทธิเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนก็จะมีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง "ในข้อมูลเชิงลึกพบว่าผู้ที่ต้องสงสัยรายนี้เป็นทีมงานของผู้สมัครพรรคพลังประชาชน"นายเมธา กล่าว

กกต.ไม่กล้าชี้ชุ่ยๆขอสอบก่อน

ทางด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวในเรื่องนี้ว่า ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้วว่าเงินที่พบว่าเป็นเงินอะไร มาจากไหน ซึ่งผู้ต้องสงสัยอ้างว่าเป็นค่ารถในการไปฟังปราศรัย ก็ต้องดูว่าเป็นการเตรียมการที่จะแจก และเพื่อจูงใจให้เลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนื่งหรือไม่ ซึ่งเราต้องพิจารณาให้รอบครอบ ไม่ใช่ไปทำชุ่ยๆ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จะให้บอกว่าการกระทำนั้นมีความผิดหรือไม่คงยังตอบไม่ได้

"การกระทำของผู้สมัครหากตรวจสอบพบว่า หัวหน้าพรรคและพรรคการเมืองที่ผู้สมัครสังกัดรู้เห็นและไม่แก้ไข ก็ต้องมีความผิดไปด้วย โดยอาจจะโดนเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและถูกยุบพรรคได้ "นายอภิชาติ กล่าว

พปช.ปัดสวะพรรคไม่เกี่ยว

วันเดียวกันนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองเลขาธิการพรรคและประธานคณะทำงานฝ่านกฎหมายพรรคพลังประชาชน แถลงว่า ผู้สมัครส.ส.ของพรรคยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวกับพรรคพลังประชาชน เป็นเรื่องของบุคคลภายนอกและไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะทางพรรคมีการออกประกาศห้ามผู้สมัครกระทำการที่ขัดต่อกฎหมายเลือกตั้งอย่างชัดเจน
ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดขุนศรี เขตบางกอกน้อยว่า ไม่วิจารณ์เพราะอะไรก็จะยุบพรรคพลังประชาชนอย่างเดียว เรื่องนี้ต้องรอผลการสอบสวนของตำรวจก่อน

เพื่อแผ่นดินแถลงโต้ถูกตัดสิทธิ์

ส่วนความคืบหน้ากรณีกกต.ตัดสิทธิผู้สมัครส.ส.ระบบสัดส่วนจำนวน 37 คนจาก 16 พรรคการเมืองเนื่องจากขาดคุณสมบัติมีชื่อซ้ำซ้อนมากกว่า 1 พรรคนั้น เช้าวันเดียวกันนี้นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคและผู้สมัคร ส.ส. แบบสัดส่วน กลุ่ม 4 และนายสินติ สาทิพย์พงศ์ รองเลขาธิการพรรคและที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ร่วมกันแถลงยืนยันว่าผู้สมัครของพรรคไม่ได้ทำผิด ทั้งนี้นายสุวิทย์ กล่าวว่า จากการหารือกับฝ่ายกฏหมายยืนยันว่า ผู้สมัครพรรคไม่ได้ทำผิดกฏหมายของกกต.และเชื่อว่าคงไม่ถึงขึ้นถูกยุบพรรคเพราะบุคคลทั้ง 2 ไม่มีความผิดอะไร


ยันสิทธิชัยถูกปลอมลายเซ็นต์

ในขณะที่นายสันติ ชี้แจงหลักฐานว่า นายสิทธิชัยสมัครเข้าพรรคเมื่อวันที่ 3 ต.ค. และ กกต.ก็รับรองในส่วนนี้อย่างเจน และนายสิทธิชัยได้ยืนยันตั้งแต่พรรคไทยรักไทยถูกยุบก็ไม่ได้ไปร่วมกับพรรคพลังประชาชน ส่วนลายเซ็นต์ใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 28 กค.ที่ผ่านมานั้น ก็ไม่ใช่ลายเซ็นต์ของนายสิทธิชัย สำหรับนายพินิจเคยลงสมัคร ส.ส.เขตของพรรคชาติไทยเมื่อปี 2527 และพรรคประชากรไทย ในปี 2529 ดังนั้นการซ้ำซ้อนรายชื่อของนายพินิจเกิดขึ้นก่อนมีกฏหมายพรรคการเมืองจะมีผลบังคับใช้ จึงถือเป็นโมฆะไปโดยปริยาย

ทั้งนี้ในส่วนการปลอมลายเซ็นต์ของนายสิทธิชัยนั้น ได้แจ้งความไว้ที่ สน.มักกะสัน เมื่อวันที่ 13 พ.ย.แล้วแต่ยังไม่คิดฟ้องกลับพรรคพลังประชาชนเพราะยังไม่ทราบว่าใครทำ ดังนั้นพรรคพลังประชาชนต้องพิสูจน์เรื่องนี้ เพราะถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดินที่กกต.ต้องดำเนินการ

งัดหลักฐานมัดพลังประชาชน

ด้านนายสิทธิชัย กล่าวพร้อมกับแสดงหลักฐานสำเนาใบสมัครสมาชิกพลังประชาชนเปรียบเทียบกับใบสมัครพรรคเพื่อแผ่นดินซึ่งลายเซ็นต์มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน พร้อมชี้แจงว่า ตนได้สมัคร ส.ส. แบบสัดส่วนในนามพรรคเพื่อแผ่นดินเมื่อวันที่ 7 พ.ย. และทราบจาก กกต. ว่ามีรายชื่ออยู่ที่พรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 8 พ.ย. หลังจากนั้นตนจึงสอบถามไปยัง นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชนและนายทะเบียนพรรค โดยตนไปที่พรรคและนายสมานได้นำเอกสารมาให้ตนดู ซึ่งตนดูแล้วพบว่าลายเซ็นในใบสมัครดังกล่าวไม่ใช่ลายเซ็นต์ของตน เพราะตนไม่เคยสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชนชน

"เท่าที่ผมดูใบสมัครลงวันที่ 28 ก.ค. ซึ่งขณะนั้นผมอยู่ที่จ.อุบลราชธานี นายสมานเองก็ยืนยันกับผมว่าจะเอาชื่อออกให้ และเมื่อได้โทรไปถามย้ำนายสมานก็อ้างว่าอินเตอร์เนตล่ม แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร ซึ่งได้ถ่ายสำเนาเอกสารไว้เป็นหลักฐานก่อนจะลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.อุบลราชธานี โดยไม่ได้คิดอะไรในเรื่องนี้อีก จนเมื่อกกต.ประกาศรายชื่อตัดสิทธิ์ ดังนั้นผมจะยื่นเรื่องต่อศาลฏีกาต่อไป"นายสิทธิชัย กล่าว

พปช.ยันสิทธิชัยเป็นสมาชิกจริง

ด้านนายสมาน เลิศวงค์รัฐ กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ในฐานะนายทะเบียนพรรค ได้ออกมาตอบโต้โดยยืนยันว่า นายสิทธิชัย ได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชาชนจริง ซึ่งพรรคมีหลักฐานการสมัครอย่างชัดเจน โดยในวันที่ 23 พ.ย.จะนำเอกสารการสมัครของนายสิทธิชัยมายืนยันด้วย และขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใคร
ส่วนนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวว่า หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยให้รีบไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายใน 7 วัน นับจากวันที่มีการประกาศตัดสิทธิ เพื่อขอให้วินิจฉัยทบทวนเรื่อง

ผู้สมัครปชร.โวยถูกปลอมชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้สมัครส.ส.ที่ยื่นคำร้องต่อศาลฏีกาเป็นรายแรกหลังถูกกกต.ประกาศตัดสิทธิ์นั้น คือนายไพรวัณ ปัตถ์ถาทุมภ์ ผู้สมัครส.ส.เขต 3 ร้อยเอ็ด พรรคประชาราช ซึ่งมีชื่อเป็นผู้สมัครส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินด้วย

ทั้งนี้นายเชาว์ มณีโชติ ฝ่ายกฏหมายพรรคประชาราช ซึ่งเป็นตัวแทนนายไพรวัณ ยื่นคำร้องต่อศาลฏีกา กล่าวว่า นายไพรวัณยืนยันว่าไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน และลายเซ็นต์ในหนังสือยินยอมก็ไม่ใช่ลายเซ็นต์นายไพรวัณ จึงไม่แน่ใจว่ามีการแอบอ้างชื่อหรือไม่

มาร์ค"ฟุ้งพร้อมเข้าแก้วิกฤติชาติ

สำหรับการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆที่น่าสนใจนั้น ค่ำวันเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำพรรคไปปราศัยช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครที่จ.จันทบุรี และจ.ตราด โดยบนเวทีปราศัยนายอภิสิทธิ์ ได้เน้นย้ำวาระประชาชน และว่าปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤติที่เป็นอยู่จะสามารถแก้ไขได้ หากมีคนฉลาด คนดี และคนที่มีคุณธรรม เข้ามาบริหารประเทศ

ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนไปหาเสียงและเปิดเวทีปราศรัยย่อยที่ตลาดขุนศรี เขตบางกอกน้อย กทม. ซึ่งนายสมัคร ได้พุ่งโจมตีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)เป็นหลัก โดยไม่ได้พูดถึงนโยบายแต่อย่างใด

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์