"วิษณุ"ย้ำจำนวน500ส.ส.สำคัญกว่าเงื่อนเวลา30วัน
(28เมษายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามกรณีที่รัฐบาลจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการเปิดสมัยประชุมรัฐสภา ว่า ยังไม่มีการยื่นเรื่องในขณะนี้ ต้องรอให้เหตุการณ์ที่คิดว่าเมื่อถึงเวลาที่เมื่อยื่นแล้ว ศาลจะรับไว้โดยไม่มีปัญหา และแม้จะเกินระยะเวลา 30 วันก็ต้องรอ เพราะเมื่อทั้ง 3 ศาล หารือกันก็อาจจะมีทางออกที่ดีที่ทำให้แก้ปัญหาต่างๆ ได้โดยไม่ต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญคือต้องการจำนวน ส.ส.ที่ครบถ้วนและวันเปิดสภา แต่เมื่อถึงทางตันและต้องเลือกเอาอย่างหนึ่งก็ต้องมาพิจารณาว่าอะไรสำคัญกว่ากัน แต่เรื่องของวัน-เวลาไม่สู้จะสำคัญเพราะกำหนดไว้เพียงไม่ให้ยืดยาดอืดอาด และไม่ให้ รัฐบาลรักษาการนานเกินไป เพราะหากเปิดสภาได้เร็วก็จะสามารถเลือกประธานสภา เลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ในส่วนของจำนวน ส.ส.ถือเป็นสาระสำคัญ เพราะถ้าไม่ครบ 500 คนแล้วผลีผลามเปิดสภาเลือกประธานฯ เลือกนายกรัฐมนตรี เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ส.ส.ที่เข้ามาได้ สมมติมี 480 คน และอีก 20 คน ที่ไม่ได้เข้ามา เราจะรู้ได้อย่างไรว่าในจำนวนนี้จะไม่มีคนที่จะเป็นประธานสภา หรือนายกฯ รวมอยู่ด้วย
นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อเปิดสภาแล้ว ก็ไม่ใช่จะมานั่งรอเฉยเพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าจะต้องเลือกนายกฯ ภายใน 30 วัน ทุกอย่างเริ่มจากวันเปิดสภาทั้งเรื่องการแถลงนโยบายต่อสภาที่ต้องทำภายใน 15 วัน หรือการยืนยันต่อสภาว่ากฎหมายที่ค้างอยู่สมควรจะต้องเดินหน้าต่อต้องทำภายใน 60 วัน เพราะฉะนั้นถือว่าจำนวน ส.ส. มีความสำคัญยิ่งกว่า เราจึงต้องเอาจำนวนให้ได้ หากฟังการวินิจฉัยของศาลดีๆ ก็พอจะเห็นทางออก
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังเดินหน้าเลือกตั้งต่อจะทำอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ก็ต้องเห็นใจเพราะทุกคนต้องทำตามหน้าที่ ใครจะไปหยุดก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งหมดต้องรอฟังคำพิพากษาของศาลเพื่อเดินหน้าตามคำพิพากษา ถ้าเป็นคำวินิจฉัยที่ถึงที่สุด
เมื่อถามว่า หากศาลวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ การกำหนดวันเลือกตั้งจะเป็นอำนาจของรัฐบาลหรือ กกต. นายวิษณุ กล่าวว่า คงไปเดาคำวินิจฉัยของศาลไม่ได้ ที่บอกว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะเป็นภาษาที่ชาวบ้านพูด ฟังง่ายเข้าใจได้ดี เช่นเดียวกับคำว่า เว้นวรรค แต่เมื่อจะประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เมื่อใช้ศัพท์ในกฎหมาย การใช้ศัพท์อย่างหนึ่งจะมีผลอย่างหนึ่ง มีวิธีอีกอย่างหนึ่ง จึงต้องดูว่าหากการเลือกตั้งเป็นโมฆะมันเข้าล็อคของถ้อยคำอะไร อยู่ในมาตราที่เท่าไหร่ สมมติว่าศาลพิพากษาว่าการออกพระราชกฤษฎีกาไม่ถูกต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ผลก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าบอกว่าการออกพระราชกฤษฎีกาถูกต้องแล้วผลก็จะออกมาอีกแบบ แต่การกำหนดวันเลือกตั้งหรือการจัดการการเลือกตั้งของ กกต.ไม่ถูกต้อง ผลก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งภาษาชาวบ้านก็จะพูดว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ดังนั้นเราต้องกลับไปดูถ้อยคำว่าเวลาศาลตัดสินนั้นใช้คำอะไร เพราะแต่ละมาตราเป็นคนละล็อค อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรัฐบาลก็จะต้องคิดและเตรียมการไว้ทุกฝ่ายเพื่อทำให้ทุกอย่างลุล่วงเรียบร้อย แต่วันนี้ยังไม่ได้คิดเพราะไม่ทราบว่าจะมีการนับหนึ่งเมื่อไหร่ แต่กำหนดเวลามีอยู่แล้วว่า หากมีการเลือกตั้งใหม่จะต้องมีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องให้กระบวนการตัดสินของศาลครบกระบวนการทั้ง 3 ศาลเลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คงไม่จำเป็น เพียงเรื่องแรกก็น่าจะเห็นทางออกแล้ว