รัฐสภา น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน
ยังคงเคลื่อนไหวคัดค้านการตอบข้อหารือของ กกต. ที่ห้ามทำกิจกรรมการเมืองว่า กกต.ได้ดำเนินการตามที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดไว้แล้ว เพราะได้บัญญัติห้ามกลุ่มบุคคลดังกล่าวดำเนินกิจกรรมทางการเมืองชัดเจน การถูกตัดสิทธิทางการเมืองครอบคลุมถึงการเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือสนับสนุนพรรคการเมืองด้วย สิ่งที่กำหนด กกต.กำหนดทั้งข้อห้ามและคำแนะนำ พรรคการเมืองต้องฟังและปฏิบัติตามนั้น เพราะ กกต.มีอำนาจหน้าที่ดูแลโดยตรง หากไม่เชื่อฟัง กกต.ก็มีสิทธิให้ใบเหลืองใบแดง หรือถึงขั้นยุบพรรคได้
เมื่อถามว่า กลุ่มดังกล่าวจะจัดเวทีปราศรัยด้วย น.ต.ประสงค์ตอบว่า
ข้อห้ามในการตัดสิทธิทางการเมือง รวมเรื่องนี้อยู่แล้วว่าไม่สามารถทำได้ แต่การเข้าไปนั่งฟัง หรือจะแก้ผ้าฟังทำได้ แต่ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรค หากไปสนับสนุนโจ่งแจ้งก็ต้องระวัง เพราะ กกต.สามารถเอาผิดได้ทันที เมื่อถามว่า กกต.ควรทำหนังสือถึงข้อห้ามให้ชัดเจนหรือไม่ น.ต.ประสงค์ตอบว่า กกต.ได้ แนะนำไว้ชัดเจนแล้ว หากไม่เข้าใจก็วิ่งเข้าไปปรึกษา กกต.อีกรอบก็ได้ จะได้ไม่เสี่ยงกับการถูกลงโทษ อย่าไปคิดว่าไม่สามารถแสดงสิทธิเสรีภาพในการพูดหรือแสดงความคิดเห็นได้ มันคนละเรื่องกัน ถ้าไม่ไปยุ่งเกี่ยวกิจกรรมของพรรค ก็ไม่มีปัญหา
ประสงค์ ขู่ 111 ระวังเจอยุบพรรค
ยื่นหนังสือฟันคนทำรัดทำมะนวยแล้ว
น.ต.ประสงค์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าดำเนินการเอาผิดกรณีพรรคพลังประชาชน ที่จัดทำเอกสารดูหมิ่นรัฐธรรมนูญว่า ได้ลงนามส่งหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานจะต้องทำเรื่องที่เกิดขึ้นให้ถูกต้องตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ผ่านการกลั่นกรองเป็นอย่างดี ผ่านกรรมวิธีมากมาย ไม่ใช่ร่างขึ้นมาตามใจชอบ ผ่านการทำประชามติ แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายพื่อทรงลงพระ ปรมาภิไธย โปรดเกล้าฯให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่สำคัญรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีคำปรารภของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะกระเทือนไปถึงเบื้องสูง อยากให้มีความระมัดระวังกันให้มาก ดังนั้นการกระทำในลักษณะหยาบคายเช่นนี้นอกจากไม่ถูกต้องแล้ว ยังเป็นการหมิ่นประเทศด้วย คนที่นำเอกสารเหล่านั้นมาแจกรู้สึกสำนึกบ้างหรือไม่
ให้ร้องศาลวินิจฉัยชี้ขาดสิทธิ 111
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกอึดอัดใจกรณีที่มีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถึงมติของ กกต.ที่ห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคการไทยรักไทยทั้ง 111 คน ดำรงตำแหน่งหรือดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในทุกพรรคการเมือง และมติที่ออกมานั้น ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายสามารถอธิบายเหตุผลได้ชัดเจน รวมถึง กกต.ก็มีเจตนาที่บริสุทธิ์ที่ออกมติดังกล่าว แต่ก็เห็นว่าเพื่อความชัดเจนของเรื่องนี้ ควรมีองค์กร ประชาชนหรือพรรคการเมือง ร้องไปที่ศาลยุติธรรมหรือศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยชี้ขาด ทั้งนี้คิดว่า มติของ กกต.ที่ออกมา จะไม่สร้างปัญหาความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม
“ถ้าทุกคนเจตนาทำเพื่อประเทศชาติ รักษากติกา แต่ผมก็ไม่โทษทั้ง 111 คน เพราะเป็นนักการเมืองมาก่อนย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ขอให้มีเจตนาสุจริตเพื่อชาติเท่านั้น และไม่กล่าวโทษที่จะมีความคิดเห็นแตกต่างกัน” นายสุเมธกล่าว