เมื่อถามว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จะเปิดเวทีปราศรัยในวันที่ 23 พ.ย.นี้นั้น
นายอภิชาตกล่าวว่า นายจาตุรนต์ทำในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับการปราศรัยหาเสียงของพรรคการเมือง จึงเป็นสิทธิที่นายจาตุรนต์สามารถทำได้ แต่หากมีคำพูดที่เหมือนกับการหาเสียงเพื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง ก็ส่งผลเสียต่อพรรคนั้นเอง เพราะอาจจะทำให้พรรคนั้นถูกยุบตามกฎหมายได้ เมื่อถามต่อว่า กกต.ต้องจับตามองการปราศรัยของนายจาตุรนต์หรือไม่ เพราะอาจเป็นการปราศรัยเพื่อโจมตี กกต. นายอภิชาตตอบว่า กกต.จะส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์อยู่แล้ว และทุกคำพูดของนายจาตุรนต์จะถูกส่งกลับมาที่ กกต. เพื่อนำมาพิจารณาต่อไป และหากพบว่ามีคำพูดใดผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการต่อไป โดยกกต.จะไม่ปล่อยไว้
จาตุรนต์ ขึ้นเวทีได้แต่ห้ามเชียร์พรรค
ส่วนกรณีที่นายจาตุรนต์และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยบางคนจะยื่นเรื่องนี้ให้ องค์กรนิรโทษกรรมสากล (เอไอ) นั้น
นายอภิชาตตอบว่า เรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อ กกต. หากเอไอรับพิจารณาเรื่องนี้ก็ให้เอไอพิจารณาไป เพราะเอไอไม่เกี่ยวข้องกับกกต. ทั้งนี้ กกต.คิดว่า กกต.ไม่ได้จำกัดสิทธิของใคร เมื่อถามว่า ขณะนี้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ควรปฏิบัติตัวอย่างไร นายอภิชาต ตอบว่า กกต.ไม่ได้ตัดสิทธิและเสรีภาพของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้งหมด
แต่หากพิจารณาจากรัฐธรรมนูญ ปี 2550 และกฎหมายลูกต่างๆ จะเห็นเจตนารมณ์ ของกฎหมายว่า
การที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนไปนั้น ต้องส่งผลกระทบต่อสิทธิของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนอยู่บ้าง โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่สิทธิ 3 ข้อเท่านั้น เพราะหากดูเจตนารมณ์ของกฎหมายใหม่ จะพบว่าอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนมีสิ่งที่ไม่พึงปฏิบัติอีกหลายประการ นอกจากนี้ คนใน 111 ท่าน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมรับมตินี้ทั้งหมด เพราะท่านที่เข้าใจและยอมรับก็มี และคาดว่าจะมีจำนวนมากกว่ากลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองต่างๆ เรียกร้องให้ กกต.สร้างบรรทัดฐานการพิจารณาตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น นายอภิชาตตอบว่า กกต.จะพยายามทำทุกอย่างให้เป็นธรรมทางการเมืองมากที่สุด