ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ
ได้นำเอกสารที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ปราศรัยเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ว่าเป็นเอกสารลับอีกฉบับ มาเผยแพร่โดยเอกสารดังกล่าวมีความยาว 14 หน้า ในบทความเรื่อง "เปิดคำสั่งลับ "สนธิ" ทำสงครามประชาชน" ของนายประดาบ โดยเว็บไซต์อ้างว่าเอกสารลับมากฉบับนี้ออกมาจากส่วนราชการ ยก.ทบ. (กองนโยบายและแผน) เลขที่หนังสือ กห 0403/512 วันที่ 26 กันยายน 2550 เรื่อง สรุปการบรรยายพิเศษและการประชุมมอบโอวาทของผบ.ทบ. ให้กับ ผบ.หน่วยระดับกองพันขึ้นไป โดย พล.ต. อักษรา เกิดผล จก.ยก.ทบ. ทำถึง ผบ.ทบ. เพื่อขออนุญาตนำคำบรรยายของผบ.ทบ. ไปแจกจ่ายเพื่อนำไปยึดถือเป็นกรอบในการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพ
โดยในเอกสารได้แนบบันทึกการถอดเทปคำบรรยายพิเศษและการประชุมมอบโอวาทของผบ.ทบ.ให้กับผบ.หน่วยระดับกองพันขึ้นไปเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2550 โดยเนื้อหา ในเอกสารมีการบรรยายพิเศษของรองผบ.พล. 1 รอ. และการกล่าวให้โอวาทของผบ.ทบ. โดยมีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในขณะนั้นลงนามอนุมัติ
ไฮ-ทักษิณเปิดเอกสารลับล็อต 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเอกสารถอดเทปการบรรยายพิเศษของรองผบ.พล. 1 รอ.
ได้ระบุถึงการทำสงครามแย่งชิงประชาชนในปัจจุบันยังมีอยู่ โดยพรรคการเมืองที่ใช้นโยบายประชานิยม เพื่อให้ประชาชนระดับรากแก้วนิยมในตัวผู้นำ รวมทั้งมีแนวคิดต่อต้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยนโยบายประชานิยมเกิดขึ้นจากการผลักดันของกลุ่มการเมืองที่เป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเป็นแกนหลัก ซึ่งได้เปลี่ยนแนวทางการต่อสู้ด้วยการใช้กำลัง มาเป็นการดำเนินการทางด้านการเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีแนวทางและทฤษฎีในการทำสงครามประชาชนที่ไม่แตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา
ส่วนคำบรรยายของผบ.ทบ. ระบุว่า คำบรรยายของรองผบ.พล. 1 รอ. ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่
ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และมองภาพว่า กอ.รมน. หรือผบ.ทบ. ปลุกเร้าสิ่งที่หมดไปแล้วในอดีตกลับคืนมาอีก ซึ่งฝ่ายตรงข้ามยังมีแนวคิดและนโยบายในการดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการจัดระเบียบในการบริหารประเทศในลักษณะของทุนนิยมรูปแบบใหม่ ดังนั้นในอนาคตการต่อสู้เพื่อแย่งชิงประชาชนจะยังคงมีอยู่ต่อไป การที่กำหนดให้ใช้กลยุทธ์ 3 เกาะติดนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อแย่งชิงประชาชนทุกระดับและทุกพื้นที่กลับมาอยู่กับกองทัพ และทำให้ประชาชนมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และชาติบ้านเมือง