ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 พ.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) ได้ลงพื้นที่ เพื่อช่วยผู้สมัครของพรรคเขต 4 กทม.
พบปะหาเสียงกับประชาชนที่บริเวณชุมชนหลังสถานีตำรวจรถไฟบางซื่อ มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจต้อนรับ โดยนายสมัครยืนยันที่จะสานต่อโยบายประชานิยมของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งโครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ขณะเดียวกัน ยังกล่าวโจมตีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ว่า ไม่มีประโยชน์ ทำให้บ้านเสียหาย มีความพยายามใส่ร้ายอดีตนายกรัฐมนตรี และตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีในเรื่องที่ไม่มีความผิด
หน.พรรคพลังประชาชน กล่าวต่อว่า เรื่องการยุบพรรคและการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) 111 คน เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล
ไม่ยุติธรรม เอาผิดกับพรรคใหญ่ที่ว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่กับพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ไปว่าจ้างคนไม่ให้ลงสมัคร กลับไม่มีความผิด นึกว่าจะมาฆ่ามัดตราสัง 111 กรรมการบริหารให้กระดุกกระดิกไม่ได้ ยุ่งไม่ได้ โดยมีเจตนาให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลนั้นถือว่าทำเกินไป โดยมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ตัดสิทธิอดีตกรรมการบริหาร ทรท.ที่อยู่ในพรรคพลังประชาชนกว่า 30 คนนั้น ยังมีอีก 70 กว่าคนที่ไปอยู่ในพรรคอื่น ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกติกาเดียวกันก็ไม่ขัดข้อง ขอให้สู้กันอย่างตรงไปตรงมา
สมัคร ยังเดินสายสู้เลือกตั้ง ยันจะสานต่อนโยบายประชานิยม
นายสมัคร กล่าวถึงมติ กกต.ว่า ไม่มีปัญหา บุคคลที่ถูกตัดสิทธิและทำงานเบื้องหลังให้พรรค ไม่ได้มีบทบาท และยังสามารถช่วยงานได้เต็มที่
ส่วนกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสงจะเชิญอดีตกรรมการบริหารที่ถูกตัดสิทธิมาหารือ เพื่อศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องและร้องเรียน เพื่อขอความเป็นเรื่องดังกล่าวต่อไปนั้น ในส่วนของพรรคไม่มีปัญหา ดำเนินการได้ถ้าไม่ผิดกฎหมาย ส่วนการกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณในระหว่างการปราศรัยว่า จะเป็นปัญหาหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรผิด
หน.พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการออก พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรว่า
ไม่ควรเร่งทำในรัฐบาลชุดนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตเหตุที่ต้องรีบพิจารณา เพราะสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นองค์กรที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมา จึงผ่านการพิจารณา ทั้งนี้ หากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้จะทำให้คนมีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ขณะที่การกำหนดระบบการเลือกตั้งใหม่ทั้งแบบแบ่งเขตและสัดส่วน ก็ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เป็นการเดินถอยหลัง
“ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อย่บำรุง ปราศรัยเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2550ว่า หากนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิมจะเป็น รมว.มหาดไทย ว่า เป็นโจ๊กการเมือง ขณะนี้ยังไม่มีการเลือกตั้ง ยังไม่มีคำตอบเรื่องนี้ รอให้ประชาชนลบงคะแนนก่อนแล้วค่อยว่ากัน ส่วนที่ตนเองยิ้มระหว่างที่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวเช่นนั้น เพราะเมื่อเพื่อนหยอกเย้าแบบนั้นก็ต้องหัวเราะเป็นเรื่องธรรมดา จะให้ร้องไห้ได้อย่างไร” นายสมัคร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายสมัคร ยังคงยืนยันว่าจะไม่ขึ้นเวทีดีเบตร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
โดยให้เหตุผลว่า เพราะไม่มีความจำเป็นต้องไปต่อปากต่อคำกัน และนายอภิสิทธิ์ก็ควรขีดเส้นใต้ให้ชัดเจนด้วยว่า จะไม่ดีเบตร่วมกับตน อีกทั้งรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้หัวหน้าพรรคที่เป็นตัวเต็ง ต้องขึ้นเวทีดีเบตร่วมกัน พร้อมกันนี้นายสมัครยังปฏิเสธที่จะประเมินว่า พรรคพลังประชาชนจะได้ ส.ส.กทม.จำนวนเท่าใด