ที่ จ.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเวทีปราศรัยขึ้นที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เขตเทศบาลเมืองนครนายก
โดยมีผู้สนใจไปรับฟังการหาเสียงในครั้งนี้ประมาณ 1,000 คน ซึ่งการปรา ศรัยครั้งนี้เป็นการมาปราศรัยเพื่อช่วยเหลือผู้สมัคร ส.ส.ในระบบเขตของ จ.นครนายก คือ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ และ นายวิกิจ อิสระเสนารักษ์ โดยมีแกนนำของพรรคคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค, ดร.ไกรศักดิ์ ชุนหะวัณ, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, พ.อ.วินัย สมพงษ์, นายสุวโรช พะลัง, นายอิศรา สุนทรวัฒน์ และ ดร.กนก วงศ์ตระหง่าน
อภิสิทธิ์ย้ำจุดยืนไม่สมานฉันท์ พปช.
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวในระหว่างการปราศรัยว่า การมาปราศรัยที่ จ.นครนายก มีความหมายสำหรับพรรคประชาธิปัตย์
เพราะต้องคิดถึงภาพรวมที่จะส่งผลต่ออนาคตของประเทศชาติ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม 2 ขั้ว ขั้วที่ 1 คือประชาธิปัตย์ ที่ต่อสู้มากว่า 60 ปี ซึ่งเป็นการสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่การเมืองมีอีกขั้วคือพรรคพลังประชาชน ซึ่งตนเองได้ประกาศมาแต่ต้นแล้วว่าจะไม่ร่วมทำงานด้วยกัน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ตนเองไม่ต้องการแตกแยก
แต่การไม่ร่วมมือกันไม่ได้หมายถึงการไม่สามัคคี หรือสมานฉันท์ ซึ่งหากประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล การวิพากษ์วิจารณ์ ติติงกัน จะสามารถทำได้ทั้งในหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ ที่ผ่านมามีคนถามว่าหากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะจัดรายการแบบ “นายกทักษิณคุยกับประชาชน” ทุกวันเสาร์หรือไม่ ซึ่งตนบอกว่าจะจัดรายการขึ้นอย่างแน่นอน แต่ตอนท้ายรายการจะจัดให้มีรายการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชนด้วย ซึ่งที่ทำนั้นเป็นเพราะห่วงประชาชนจะไม่ได้ข้อมูลทั้งสองด้าน.