คตส.เรียก หมัก พร้อมพวกคดีรถ-เรือดับเพลิงฉาว
รับทราบข้อกล่าวหาก่อนวันเลือกตั้ง 1 เดือน “สัก”ยันเปล่ากลั่นแกล้งทางการเมือง ด้านอนุเอื้อประโยชน์ จ้องฟัน "ทักษิณ" ก่อนเชือดบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ขณะที่ "คุณหญิงทิพาวดี" แจงปัญหา "ไทยคม 3" ยันทำตามหน้าที่ปลัดไอซีทีด้วยความเป็นกลาง และตามขั้นตอนราชการอย่างแท้จริง
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 พ.ย.
นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงภายหลังการประชุมว่าตนในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการปล่อยเงินกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) 4 พันล้านบาทให้รัฐบาลทหารพม่า ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบถึงการแจ้งข้อกล่าวหาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทราบว่า จากการแจ้งไปยังที่อยู่ตามภูมิลำเนา เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าไม่มีผู้รับ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จึงตีเอกสารกลับมายัง คตส.ดังนั้นตามสิทธิของระเบียบ คตส. พ.ต.ท. ทักษิณ ยังมีเวลาแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับจากวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา
โฆษก คตส.กล่าวว่า นอกจากนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.)
ได้รายงานความคืบหน้าว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 รายเรียบร้อยแล้ว คือ 1.นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. 2.นายโภคิน พลกุล อดีตรมว. มหาดไทย 3.นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช. มหาดไทย 4.นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตเลขานุการ รมช.มหาดไทย และ 5.พ.ต.ท.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีต ผอ.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยกำหนดให้ทั้ง 5 คน เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเองภายในวันที่ 21 พ.ย.นี้ ในข้อหาความผิดทำให้รัฐเกิดความเสียหาย 1,958.6 ล้านบาท มีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 มาตรา 83 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ มาตรา 11, 12, และ 13 ซึ่งการกำหนดให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 21 พ.ย. นี้ ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เพราะไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง
นายสัก กล่าวอีกว่านอกจากนี้ในส่วนของการตรวจสอบกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเอง และพวกพ้อง รายงานว่าอยู่ระหว่างการสรุปสำนวนและเขียนสำนวนแจ้งข้อกล่าวหาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งคณะอนุกรรมการไต่สวนยืนยันว่าจะสรุปได้ภายในเดือน พ.ย. นี้
ด้านนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการคตส.ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนในกรณีการเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง เปิดเผยว่าคณะอนุกรรมการได้ทยอยสรุปผลการตรวจสอบในคดีการเอื้อประโยชน์ทั้ง 5 คดีต่อที่ประชุมคตส.มาเรื่อย ๆ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ คณะอนุกรรมการเห็นว่า ก่อนที่จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อชี้มูลบุคคลที่เกี่ยวข้อง น่าจะรอให้ขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา พ.ต.ท. ทักษิณออกนโยบายเอื้อประโยชน์ ร่ำรวยผิดปกติ คงไว้ซึ่งสัมปทานเสร็จสิ้นก่อน เมื่อเสร็จแล้วจึงจะเสนอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนต่อไป ส่วนการดำเนินคดีกับผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจนั้น จะดำเนินการหลังจากที่มีการสรุปผลการไต่สวน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะจะทำให้ข้อมูลมีความชัดเจนและมีน้ำหนักมาก
ที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่อาจตกเป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบเงินค่าสินไหมทดแทน 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกรณีดาวเทียมไทยคม 3 เกิดความเสียหาย ตามผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวนกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนเองและพวกพ้องว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยที่ตนเป็นปลัดกระทรวงเทคโนโลยสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และได้เข้าให้ปากคำชี้แจงข้อมูลแก่อนุกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว
ยืนยันชัดเจนว่าได้ดำเนินการไปตามหน้าที่ และได้ปรึกษาหารือกับฝ่ายกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ และไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใดหรือใคร แต่ได้ปฏิบัติอย่างเป็นกลาง ตามขั้นตอนราชการอย่างแท้จริง ซึ่งเงินประกันดาวเทียมตามสัญญาสัมปทานดาวเทียมนั้น เป็นเงินที่มีเงื่อนไขจะต้องไปใช้ซ่อมหรือสร้างดาวเทียม เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเงินประกันในส่วนนี้จะต้องนำไปใช้ซ่อมหรือสร้างดาวเทียม จึงไม่ถือเป็นรายได้ของบริษัท และกระทรวงไอซีที.