พระเปรมศักดิ์แฉกกต.โทรจิก ส่งหนังสือรับรองการบวชจริง
พระเปรมศักดิ์วอน กกต.อย่าดึงพระพันการเมือง เหตุให้ส่งหนังสือรับรองการอุปสมบทแจ้งให้ทราบภายในวันนี้ เหน็บ กกต.ทำตัวเป็นเหมือนองคุลีมาลย์ที่ยังไม่สำนึกผิด ยืนฝั่งตรงกันข้ามประชาชน แนะให้ทุกฝ่ายนำกระแสพระราชดำรัสแก้ไขวิกฤติการเมือง ขณะที่เครือข่ายพันธมิตรขอนแก่นร่วมแจมแถลงข่าวประณามกลุ่มปิดล้อมที่อุดรธานี
วันที่ 26 เม.ย. เวลา 14.00 น. กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น ร่วมกับคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดเสวนาทางวิชาการเรื่อง "ธรรมาธิปไตยกับการปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2" ที่ห้องบรรยาย 2 อาคารปรีคลินิค คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยได้นิมนตร์พระเปรมศักดิ์ เปมสกโก (เพียยุระ) อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ร่วมบรรยายธรรมครั้งนี้ด้วย โดยมีคณาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ นักศึกษา บุคลากรในมหาวิทยาลัยขอนแก่น และประชาชนที่สนใจเข้ารับฟังจำนวนมาก
พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ จะหวังพึ่งผู้มีอำนาจเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้อีกต่อไป แต่ต้องสร้างภาคประชาชนให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อให้การปฏิรูปทางการเมืองครั้งที่ 2 สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
หลังจากนั้น พระเปรมศักดิ์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ กกต.กลางโทรศัพท์ติดต่อให้ส่งหนังสือรับรองการอุปสมบท เพื่อยืนยันว่าได้อุปสมบทจริงไปให้ กกต.ทราบภายในวันนี้ (26เม.ย.) ซึ่งพระเปรมศักดิ์ได้นำหนังสือรับรองการอุปสมบทจากวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี มอบให้กับสื่อมวลชนพร้อมกับฝากส่งให้ กกต.กลางด้วย
พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครกระทำเช่นนี้มาก่อน เพราะการลาอุปสมบทของอาตมาเป็นไปอย่างเปิดเผยและรับทราบกันทั่วประเทศ จึงไม่ทราบเจตนาของ กกต.กลางว่าจะสนองผู้มีอำนาจหรือไม่ และการกระทำของ กกต.ครั้งนี้เท่ากับลบหลู่พระอุปัชฌาย์ คือ พระนนทสารเวที จึงเรียกร้องให้ กกต.กราบขอขมาพระอุปัชฌาย์ของอาตมาด้วย และมองว่าเป็นความพยายามต้องการรับรอง ส.ส.ให้ครบ 500 คน เพื่อเปิดสภาให้ได้ ซึ่งเปรียบเหมือนกับองคุลีมาลย์ตอนที่ยังไม่บวช
"วันนี้อยากให้ กกต.ดูจากองคุลีมาลย์เป็นตัวอย่าง ที่ต้องตัดนิ้วอีก 1 นิ้วเพื่อให้ครบ 1,000 นิ้ว แต่กลับใจได้เมื่อพบพระพุทธเจ้า อาตมาหยุดแล้ว กกต.ไม่ควรดึงพระเข้าสภา ยังไม่สายที่ กกต.จะกลับมายืนเคียงข้างประชาชน และทำให้เรื่องที่ยุ่งยากยุติลง โดยไม่ต้องรบกวนเบื้องพระยุคลบาทอย่างที่เป็นอยู่ ส่วนเรื่องเอกสารการบวชของอาตมานั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอบิณฑบาตคำพูดอยากให้ กกต.สำนึกผิดที่ได้กระทำโดยวาจาดังกล่าวต่อพระอุปัชฌาย์ของอาตมาด้วย " พระเปรมศักดิ์ กล่าวและว่า
อยากขอให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะศาลทั้ง 3 ศาล เป็นที่พึ่งประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ปล่อยให้การเมืองเข้าแทรกแซง และควรน้อมรับกระแสพระราชดำรัสมาปฏิบัติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ไม่เช่นนั้นจะเกิดความแตกแยกมากกว่านี้ และพฤติกรรมที่เกิดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ และอุดรธานี จะระบาดไปทั่วประเทศ
พันธมิตรร่วมประณามกลุ่มปิดล้อม
ขณะเดียวกันเครือข่ายประชาชนขอนแก่นเพื่อประชาธิปไตย ได้ใช้เวทีดังกล่าว แถลงจุดยืนหลังจากเหตุการณ์ปิดล้อมแกนนำพันธมิตรที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และการเคลื่อนไหวในอนาคตหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน
นางสุนทรี หัตถี เซ่งกิ่ง แกนนำเครือข่ายประชาชนขอนแก่นเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า จากเหตุการณ์การที่ชมรมคนรักอุดร ได้ทำการปิดล้อมแกนนำพันธมิตรที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา โดยปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนของพรรคไทยรักไทยอย่าง น.พ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล นายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี สังกัดพรรคไทยรักไทย และนายขวัญชัย ไพรพนา นักจัดรายการสถานีวิทยุท้องถิ่น เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
"โดยทั้ง 3 คน จะปัดความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าว มีทั้ง 3 คน คอยปลุกปั่นให้ชาวบ้านลุกฮือเข้าไปปิดล้อมเครือข่ายพันธมิตร ซึ่งพรรคไทยรักไทยต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย" นางสุนทรี กล่าว
ขณะที่นายสมภพ บุญนาค แกนนำเครือข่ายประชาชนขอนแก่นเพื่อประชาธิปไตยอีกราย กล่าวว่า เครือข่ายพันธมิตรน้อมรับกระแสพระราชดำรัสเป็นอย่างดี ซึ่งต่อไปในอานคตหลายๆ เรื่องต้องนำกลับมาทบทวนคิดให้รอบคอบมากขึ้นกล่าวเดิม
"เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นที่อุดรธานี สุราษธานี หรืออาจเกิดขึ้นในที่อื่น ๆ ซึ่งทั้งหมดเกิดจากปัญหาตัวเดียวคือความไม่ชอบธรรมของขบวนการ"ทักษิณ" เกิดมาจากผลพวงจากการบริหารงานประเทศใน 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายเรื่องยังไม่มีคำตอบให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องนี้เราต้องกลับมาวิเคราะห์อีกครั้งว่าจะคลี่คลายสถานการณ์ทักษิณอย่างไร"นายสมภพ กล่าว
คณะแพทย์ม.ขอนแก่นร่วมประณาม
ขณะที่ผศ.สุชาติ อารีมิตร อดีตคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่กระแสความขัดแย้งสามารถเกิดขึ้นได้ตามระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งการจัดเสวนาต่าง ๆ ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น จากเหตุการปิดล้อมที่ จ.อุดรธานีเมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ทางเครือข่ายแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขขอนแก่น ขอประณามการกระทำดังกล่าวของชมรมคนรักอุดรฯที่ใช้กำลังคุกคามเครือข่ายพันธมิตร