วันนี้ (10 พ.ย.) นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
เป็นประธานเปิดงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2550 ของมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ในหัวข้อเรื่อง "จะแก้ปัญหาความยากจนกันอย่างไร แจกจ่าย หรือสวัสดิการ" พร้อมกล่าวปาฐกถานำเรื่อง "ภารกิจของรัฐบาลชุดต่อไป"
นายโฆสิต กล่าวว่า
ภารกิจสำคัญของรัฐบาลชุดต่อไป คือ การสร้างความพอดีระหว่างการใช้นโยบายประชานิยม ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างมากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่รัฐบาลใหม่ต้องไม่ลืมการผลักดันให้ประชาชนเรียนรู้การพึ่งพาตัวเอง ในรัฐบาลชุดต่อไป จะมีประเด็นสำคัญ 4 ด้าน คือ การทำให้เกิดความพอดีระหว่างนโยบายการเพิ่มรายได้ กับการทำให้ชุมชนเข้มแข็งโดยการพึ่งตนเอง 2. การสร้างความพอดี จากการบริหารข้อจำกัดที่มีในการใช้งบประมาณ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่ต้องไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง 3. การใช้ทรัพยากรอย่างพอเพียง และ 4. การสร้างความพอดีระหว่างการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ กับการพัฒนาคน เช่น การพัฒนาการศึกษา และสาธารณสุข
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า
การสร้างความพอดีกับประเด็นทั้ง 4 เป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ยังเชื่อว่านโยบายประชานิยมอย่างเดียว อาจทำให้การพัฒนาศักยภาพของคน การเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองหมดไป เพราะหากรัฐบาลจะมุ่งทำนโยบายที่ตอบสนองตัวความต้องการของประชาชนอย่างเดียว ความต้องการเหล่านี้ก็จะไม่มีที่สิ้นสุด
"การที่พรรคการเมืองออกมาหาเสียงขณะนี้ ส่วนใหญ่ยังยึดถือนโยบายประชานิยม ในส่วนนี้ยังไม่ได้อ่านนโยบายของแต่ละพรรค แต่การเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้น อยากให้ประชาชนได้อ่านและศึกษานโยบายของแต่ละพรรค และใช้วิจารณญาณวิเคราะห์ดูว่า เป็นแนวทางที่ทำได้และอยู่บนพื้นฐานความพอดีหรือไม่" นายโฆสิตกล่าว
ด้านนายอัมมาร สยามวาลา รักษาการประธานทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า
ทีดีอาร์ไอ เห็นด้วยกับแนวคิดในการสร้างความพอดีระหว่างการใช้นโยบายประชานิยมและการพัฒนาตนเอง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้คนไทยทั้งหมดมีฐานะร่ำรวยเท่ากัน แต่สามารถทำให้คนไทยส่วนใหญ่พึ่งพาตัวเองได้
รักษาการประธานทีดีอาร์ไอ กล่าวด้วยว่า
ผลการศึกษาถึงปัญหาทางโครงสร้างเศรษฐกิจของทีดีอาร์ไอ ที่ระบุว่าปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการกระจายรายได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในส่วนนี้ ทีดีอาร์ไอเห็นว่า ขณะนี้ประเทศกำลังประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำของรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจน ซึ่งในอนาคตรัฐบาลควรนำมาตรการภาษีมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว