พปช.โวยเอ็ม16จี้หัว คุกคามทีมงานผู้สมัคร

ตั้ง"เรืองโรจน์"แก้เกม"แม่ทัพ2"โต้สร้างเรื่อง

ผลงานเอกสารลับออกลายแล้ว ผู้สมัคร ส.ส.อำนาจเจริญพาทีมงานขึ้นโรงพักโวยถูกกลุ่มทหารดักเล่นงานเอาเอ็ม 16 จี้หัวลากลงจากรถ เหตุแค่ไม่พอใจการปราศรัยให้ยกเลิกกฎอัยการศึก “หมอเลี้ยบ” จี้ “แอ้ด-ป็อก” จริงใจเรื่องความยุติธรรมเลือกตั้ง พร้อมตั้ง “เรืองโรจน์” แก้เกมทหารคุกคามผู้สมัคร “แม่ทัพภาคที่ 2” เอาเกียรติเป็นประกันสอบทหารในพื้นที่แล้วไม่มีเรื่องดังกล่าว มั่นใจเป็นแผนของพรรคการเมืองที่ต้องการได้คะแนนสงสารจากประชาชน ด้านตำรวจแจงไม่พบเรื่องดังกล่าวเช่นกัน เผยตอนมาแจ้งความก็ไม่ได้บอกว่าถูกทำร้าย ด้าน “มาร์ค” แย้ม 6 พ.ย. นัด “เติ้ง” กินข้าวพร้อมหารือการเมือง “จ้อน” โวโพลหนุนเป็นแกนตั้งรัฐบาล แย้มกวาด ส.ส.ภาคกลาง 40 เก้าอี้ ด้าน กกต.ชี้ยังไม่บ้าจี้ข่าวแจกเงินกำนันผู้ใหญ่หัวละ 5 พัน ยันข้อมูลอ่อน


ทหารเอาปืนจ่อหัวคน พปช.

 เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่พรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค นายชัยศรี กีฬา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อำนาจเจริญ และนายสมบัติ วันทอง เลขานุการส่วนตัวนายชัยศรี แถลงข่าวถูกทหารข่มขู่ โดยนายสมบัติกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 1 พ.ย. ตนติดตามนายชัยศรีไปปราศรัยที่ อ.ปทุมราชวงศา แสดงความไม่เห็นด้วยที่ อ.ปทุมราชวงศา ยังบังคับใช้กฎอัยการศึก
 
นายสมบัติกล่าวต่อว่า หลังการปราศรัยตนได้แยกทางกับนายชัยศรีเพื่อกลับบ้านพัก ระหว่างทางเข้าหมู่บ้านมีรถกระบะสีน้ำเงิน และ มีชายฉกรรจ์แต่งชุดลายพรางของทหารจำนวน    3 คนโบกให้หยุด และดึงตนลงมาพร้อมถามว่า   "สมบัติใช่หรือไม่" ทันใดนั้นชายแต่งชุดทหารคนหนึ่งยกปืนเอ็ม 16 ขึ้นจ่อท้ายทอยดันให้ตนหันหน้าเข้าหารถและถามว่า ็เมื่อกี้มึงพูดอะไริ ก่อนตรวจค้นภายในรถ


แจ้งความ ตร.อ้างกฎอัยการศึก

 นายสมบัติกล่าวด้วยว่า ด้วยความกลัวว่าจะถูกอุ้มและรุมทำร้าย ตนจึงตัดสินใจวิ่งหนีลงป่าข้างถนนเพื่อหลบซ่อนตัว สักพักได้มีรถอีก 2 คันตามมาสมทบและพูดคุยกันประมาณ 30 นาทีแล้วจึงขับออกไป แต่ตนยังไม่กล้าออกมาจากที่ซ่อนตัวเพราะกลัวคนเหล่านั้นยังดักซุ่มที่รถ จึงได้โทรศัพท์ไปบอกนายชัยศรีให้มารับ
 
ด้านนายชัยศรีกล่าวว่า รถคันที่ถูกตรวจค้นมีแต่เอกสาร ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย และตนได้พานายสมบัติเข้าแจ้งความสถานีตำรวจและลงบันทึกประจำวันไว้ที่ อ.ปทุมราชวงศา เมื่อวันที่ 2 พ.ย. อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า อ.ปทุมราชวงศา เป็นพื้นที่กฎอัยการศึกทหารมีสิทธิทำได้ ตนจึงขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็ว เพราะพื้นที่ไม่มีปัญหาเรื่องความมั่นคง


อานิสงส์เอกสารลับทำงานแล้ว

 นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนว่ามีอานิสงส์จากเอกสารลับเกิดขึ้นแล้ว พรรคอยากขอความเป็นธรรมจากฝ่ายผู้มีอำนาจอย่ามาใช้ความรุนแรงในช่วงที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็ว พร้อมขอให้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.มีความจริงใจให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม
 
สำหรับการดูแลว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก พรรคได้แต่งตั้งพล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรค อดีต ผบ.ทหารสูงสุด เป็นประธานทำงานรับเรื่องร้องเรียนเรื่องการวางตัวไม่เป็นกลางของทหารและพลเรือนต่อการเลือกตั้ง การที่ กกต.แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารลับ ถือว่าเป็นความกล้าหาญหากพบว่ามีการกระทำความผิดก็ต้องมีการดำเนินการเอาผิดให้ได้ ส่วนที่มีผู้ออกมาเบี่ยงเบนให้เป็นประเด็นเอกสารปลอมนั้น ตนยังไม่เห็นมีใครยืนยันว่าเป็นเอกสารปลอม และเอาเอกสารฉบับจริงมายืนยัน


"เรืองโรจน์"ขอสอบข้อเท็จจริง

 เมื่อถามว่าการที่ ผบ.ทบ.ทราบแล้วว่าเอกสารออกมาจากหน่วยใด นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า เรื่องของหน่วยงานด้านความมั่นคงจะต้องระมัดระวังสิ่งที่เป็นความลับ แต่ประเด็นสำคัญคือการกระทำที่ผิดกฎหมายจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ในส่วนของพรรคหากพบว่ามีการผิดกฎหมายและสอดคล้องกับเอกสารลับเราจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป กรณีที่มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ออกมาขู่เอาผิดนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ฐานนำเอกสารลับของทางราชการมาเปิดเผยนั้น ถ้ามีผลกระทบต่อพรรคก็เป็นสิทธิที่จะป้องกันตัวเองและขอความเป็นธรรมจากสังคม
 
พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีต ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวถึงเรื่องที่คนของพรรคถูกทหารเอาปืนไปจี้หัวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ ซึ่งผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลลูกน้องให้ดี ไม่ใช่จะไปข่มขู่ชาวบ้าน ตนคงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อถามว่า การที่พรรคตั้งให้มาตรวจสอบจะทำให้เกิดความขัดแย้งกับทหารหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์กล่าวว่า คงไม่ การเมืองน่าจะเดินหน้าไปสู่ความสมานฉันท์ ไม่ใช่จะมาทะเลาะกัน


มท. 2 ยันแผนนักการเมือง

 ด้าน พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่ทราบว่าเขามีแผนอะไร แต่การดำเนินการทุกอย่างของเขาจะต้องมีการวางหมากอะไรสักอย่าง เพื่อต้องการให้ได้เสียงจากประชาชน เป็นเรื่องปกติของพรรคการ  เมืองที่จะต้องเล่นการเมืองในลักษณะนี้ แต่ไม่น่าจะเอาทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยว "ทหารทำงานในขอบเขตไม่ได้เข้าไปยุ่งทางการเมืองเลย ไม่เคยไปตั้งด่านตรวจหรือทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองเลย สนามการเมืองนักการเมืองก็ว่าไปตามครรลอง ทหารก็ทำงานกับประชาชนในเรื่องของการช่วยเหลือและพัฒนา ยืนยันว่าทหารไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง" พล.ท.สุจิตรกล่าว


เอาเกียรติเป็นประกันไม่ได้ทำ

 ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพภาคที่ 2 สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ได้หรือไม่ว่าไม่มีแผนสกัด หรือนำกำลังทหารเอาปืนเอ็ม 16 ไปจี้สมาชิกพรรคพลังประชาชน พล.ท.สุจิตรกล่าวว่า ตนยืนยันความบริสุทธิ์ว่าเราไม่เคยทำในลักษณะที่ถูกกล่าวหา ไม่เคยไปตั้งด่านหรือกดดันนักการเมืองของพรรคพลังประชาชน ทหารทำตามนโยบายคือการเข้าไปพบประชาชน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชน
 
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ได้รายงาน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.หรือยัง พล.ท.สุจิตร  กล่าวว่า ถ้าข่าวไม่ถูกต้องทางหน่วยก็จะรายงานไปที่เลขานุการกองทัพบกอยู่แล้วว่าไม่เป็นจริง หน่วยในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ที่รับผิดชอบในพื้นที่หน่วยใน จ.อำนาจเจริญ เขายืนยันขึ้นมาว่าไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว พร้อมกับรายงานไปเรียบร้อยแล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงคำกล่าวหาไม่ได้เป็นความจริง เขาเอามาพูดโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงอะไรทั้งสิ้น


ตร.ยันสอบไม่พบเหตุดังกล่าว

 ด้าน พ.ต.ท.สัมฤทธิ์ ไชยศรี สารวัตรเวร สภ.ปทุมราชวงศา กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า แปลกใจกับข่าวที่นายสมบัติบอกว่าถูกทหารรังแก ในวันเกิดเหตุตำรวจไม่ได้รับรายงานว่ามีการก่อเหตุดังกล่าวแต่อย่างใด แม้แต่การมาแจ้งความของนายสมบัติก็ไม่ได้พูดถึงว่าถูกทหารทำร้าย ซึ่งหลังจากรับแจ้งความตนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้สั่งการให้ตำรวจลงพื้นที่หาข่าว  ทันที แต่ไม่พบชายฉกรรจ์ตามที่กล่าวอ้าง ตำรวจยังงงว่าจะเป็นการอ้างแค่กลัวหรือเปล่า
 
พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ กล่าวว่า ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ยังไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าขัดคำสั่งของ  กกต.ที่ให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง เชื่อว่าทหารตำรวจทุกนายวางตัวเป็นกลาง 100 เปอร์เซ็นต์ ขอวอนผู้สมัครและคนใกล้ชิดอย่าใส่ร้ายทหาร อย่างไรก็ตามตำรวจจะให้ความคุ้มครองผู้สมัครให้ได้รับความปลอดภัยเท่าเทียมกันทุกคน


"มาร์ค"จี้ให้เร่งจัดการซื้อเสียง

 อีกด้านหนึ่งที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติ ว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ระบุในพื้นที่ภาคอีสานเริ่มมีการซื้อเสียงรูปแบบใหม่แล้วว่า เมื่อทราบแล้วต้องเท่าทันในการป้อง กันและปราบปราม ครส.จะต้องช่วย กกต.รณรงค์ป้องกันและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เพื่อที่จะได้ดำเนินคดีอย่างมีประสิทธิภาพ การซื้อเสียงคงไม่สามารถกำจัดได้หมด แต่ต้องชี้ให้เห็นถึงอันตราย ถ้าเราปล่อยให้การเลือกตั้งเป็นไปในรูปแบบการต่างตอบแทนกัน บ้านเมืองก็จะกลับมาวิกฤติอีก
 
ส่วนโพลที่ระบุว่าพรรคพลังประชาชนจะได้ ส.ส. 250 ที่นั่ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า คะแนนของพรรคพลังประชาชนคงไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่เราก็ไม่ประมาทและไม่หวั่นไหว ยืนยันว่าตัวเลขที่ออกมานั้นไม่ใช่โพล


6 พ.ย.นัด"เติ้ง"กินข้าว

 นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวด้วยว่า ในช่วงบ่ายของวันที่ 6 พ.ย. ตนได้นัดรับประทานอาหารและหารือกับนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง และการไม่ส่งผู้สมัครลงพื้นที่ในเขตจังหวัดที่หัวหน้าพรรคลงสมัคร เช่น จ.สุพรรณบุรีและพิจิตร ส่วนพรรคประชาราชที่นายบรรหารระบุว่าจะมาร่วมหารือด้วยนั้น ตนยังไม่ได้รับแจ้ง ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยติดต่อกัน      
 
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งภายใน กกต.ว่า คงไม่มีความ ขัดแย้ง สิ่งสำคัญคือ กกต.ต้องเป็นกลาง กกต.ชุดนี้ยังใหม่ในเรื่องเกี่ยวกับการเมือง แต่ถ้ามีความหนักแน่นเรื่องความเป็นกลาง และสามารถระดมความร่วมมือจากฝ่ายต่าง ๆ ได้คงไม่เป็นปัญหา โจทย์ใหญ่ขณะนี้คือ จะดึงประชาชนเข้าร่วมงานได้อย่างไร


ปชป.โวคนหนุนตั้งรัฐบาล

 นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ภาคกลาง เปิดเผยว่า จากการประเมินตัวเลข ส.ส.ในภาคกลาง 26 จังหวัด คาดว่าพรรคจะได้รับเลือกตั้ง 35-40 ที่นั่ง หากไม่มีฝนห่าใหญ่ ส่วนพรรคพลังประชาชนจะได้ไม่เกิน 20 ที่นั่ง เนื่องจากอดีต ส.ส.ไทยรักไทยแยกย้ายไปอยู่พรรคอื่น และกระแสคนภาคกลางไม่เอาระบอบทักษิณ ส่วนพรรคชาติไทยจะได้ที่นั่งในพื้นที่ภาคกลางตะวันตก ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออก จากการสำรวจความนิยมของโพลสำนักต่าง ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า นายอภิสิทธิ์มีคะแนนนำเหนือนายสมัครค่อนข้างมาก และพรรคก็ได้รับการโหวตสนับสนุนให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
 
นายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ ว่าที่โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค ได้แต่งตั้งคณะทำงาน ด้านการเลือกตั้งโดยให้นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เป็นที่ปรึกษาด้านการรณรงค์การเลือกตั้ง ส่วนของการระดมทุนพรรคจะจัดทำของที่ระลึกจำหน่าย โดยอย่างแรกที่จะออกมาคือเสื้อ นอกจากนั้นจะรับบริจาค


พปช.หวังฟัน ส.ส.ใต้ 8 ที่นั่ง

 รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนแจ้งว่า การจัดวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนมีผู้เสนอตัวไม่ต่ำกว่า 150 คน พรรคจะประชุมเพื่อพิจารณารอบสุดท้ายในวันที่ 6 พ.ย. เพื่อให้เหลือ 80 คน ข้อมูลเบื้องต้นแกนนำคนสำคัญของพรรค จะเป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน โดยกลุ่ม 1 ประกอบด้วย 11 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร มีว่าที่ผู้สมัครอาทิ นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์  พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ส่วนกลุ่ม 6 ประกอบด้วย กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ จะมีนายสมัคร พล.อ.เรืองโรจน์ รวมทั้งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรค จะลงสมัครระบบสัดส่วนในกลุ่ม 5 ด้วย


สำหรับความคืบหน้าในการจัดวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ ได้ครบทั้ง 14 เขตแล้ว
เป็นว่าที่ผู้สมัครหน้าใหม่ถึงครึ่งต่อครึ่ง เช่น จ.ตรัง เขต 1 มีนายธนัท ลาชโรจน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานการประถมศึกษาหลายจังหวัด และนายชัยพร ชูเสน อาชีพทนายความ จะแข่งขันกับนาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย และนายสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ ขณะที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในเขต 1 ยังคงเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย เชื่อว่าจะสามารถแทรกพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาได้หลายคน โดยตั้งเป้าว่าภาคใต้ตอนบนจะได้ ส.ส.ระบบเขตรวมกับระบบสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 8 ที่นั่ง


กกต.คุยมีแผนสกัดซื้อเสียง

 วันเดียวกันนายประพันธ์ นัยโกวิท  กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) มีมติเร่งให้ กกต.มีมติเพื่อดึง ครส.ไปช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการทุจริตการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า กกต.มีแผนแก้ไขปัญหาทุจริตการซื้อสิทธิขายเสียงอยู่แล้ว
 
ส่วนข้อกังวลว่า ครส.จะเข้ามาแทรกแซง ทำให้เกิดภาพว่าฝ่ายรัฐและ กกต.ไม่เป็นกลางมุ่งสกัดพรรคใดพรรคหนึ่งนั้น นายประพันธ์กล่าวว่า กกต.เป็นกลางและยุติธรรมอยู่แล้ว ส่วน ครส.ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนงานของ กกต.โดยเฉพาะการรณรงค์ประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มาก คิดว่าคงไม่ได้มาแทรกแซงอะไร


ยังไม่บ้าจี้ข่าวแจกเงินหัวละ 5 พัน

 นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่เริ่มมีการซื้อเสียงในวิธีที่หลากหลายขึ้น เท่าที่ตนทราบมีการแจ้งข้อมูลมาว่าที่ จ.มหาสารคาม มีการแจกเงินกำนันผู้ใหญ่บ้านหัวละ 5,000 บาท โดยกลุ่มนักการเมืองเก่าแล้ว ส่วนที่อนุกรรมการภาควิชาการของ ครส.ระบุว่า จะมีเงินสะพัด 2 หมื่นล้านบาท และซื้อเสียงโดยโอนผ่านบัญชีธนาคารนั้น ถ้ามีข้อมูล กกต.ก็ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวคงเป็นการคาดการณ์มากกว่า ความชัดเจนในเรื่องนี้ยังคงเป็นภาพกว้าง ๆ อยู่ ต้องรอให้มีข้อมูลที่แคบลงมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นใครพูดอะไรมาแล้ว กกต.ไปดำเนินการก็จะโดนโวยวาย และไม่เป็นธรรมกับบุคคลนั้น
 
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวทางรองเลขาธิการ กกต.ได้รายงานให้กับประธาน กกต.รับทราบแล้ว และให้นำเข้าที่ประชุมในวันที่ 5 พ.ย.ว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ กกต.ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยที่จะออกเป็นมติให้ ครส.เข้ามาช่วยเรื่องดังกล่าว เพราะ กกต.เองก็มีชุดสืบสวนสอบสวนป้องปราม ชุดหาข่าวและเฝ้าระวังอยู่แล้ว


พร้อมเล่นงานกำนันไม่เป็นกลาง

 ด้านนายวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ สั่งกระทรวงมหาดไทยห้ามให้กำนันผู้ใหญ่บ้านไปเป็นหัวคะแนนในการเลือกตั้งว่า กรมการปกครองมีหนังสือเวียนไปถึงทุกพื้นที่แล้ว และ พล.อ.สุรยุทธ์ก็พูดไปถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านแล้ว ให้สนับสนุนการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็มีการตรวจสอบกันอยู่แล้ว
 
เมื่อถามว่า หากพื้นที่ใดมีการร้องเรียนเข้ามาว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านไม่เป็นกลางจะจัดการอย่างไร อธิบดีกรมการปกครองกล่าวว่า หากพบว่าไม่เป็นกลางก็ต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการได้ถึงขั้นไหน จะถึงขั้นปลดจากตำแหน่งหรือไม่ต้องดูในรายละเอียดของวินัยและข้อกฎหมาย


นัดสอบเอกสารลับอาทิตย์หน้า

 ส่วนความคืบหน้าการสอบเอกสารลับสกัดพรรคพลังประชาชนนั้น นายสุพล ยุติธาดา อดีตอัยการอาวุโส ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบเอกสารลับพรรคพลังประชาชนที่ กกต. แต่งตั้ง เปิดเผยว่า ยินดีที่ กกต.ให้โอกาสเข้ามาทำงาน  ตนจะทำงานให้เต็มที่ และไม่หนักใจที่การตรวจสอบต้องไปเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ถูกพาดพิงว่าเป็นคนของ คมช. อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดกรอบการสอบสวนว่าจะมีประเด็นอย่างไร เพราะต้องรอให้กรรมการท่านอื่น ๆ พร้อมก่อน คาดว่าจะนัดประชุมได้ในสัปดาห์หน้า
 
สำหรับการสอบสวนของ คตส.ในคดีต่าง ๆ นั้น นายบรรเจิด สิงคะเนติ คตส.ในฐานะคณะอนุกรรมการไต่สวนการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของ กทม.นายบรรเจิดกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะส่งหนังสือการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหา 5 ราย ประกอบด้วย 1.นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย 2.นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าราชการ กทม. 3.นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย 4.พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. และ 5.นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีต ส.ส.ขอนแก่น ในฐานะอดีตผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย เพื่อให้มารับทราบและมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา


ขีดเส้นตายงาบกล้ายาง 9 พ.ย.

 นายบรรเจิดยังกล่าวถึงการไต่สวนการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญกลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่ จำนวน 3 ราย ที่ผู้ถูกกล่าวหาได้อ้างเป็นพยานบุคคลมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหาที่อยู่ในกลุ่มบริษัทซีพี ยังได้อ้างพยานบุคคลที่เป็นชาวเกษตรกร โดยทางคณะอนุกรรมการไต่สวนได้ให้ผู้ถูกกล่าวหานำตัวชาวเกษตรกรที่กล่าวอ้างมาให้ถ้อยคำในสัปดาห์หน้าด้วยเช่นกัน หากไม่มาภายในสัปดาห์หน้าจะถือว่าสละสิทธิในการชี้แจงแล้ว
 
นายบรรเจิดกล่าวต่อว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนตั้งใจว่าจะสอบพยานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 พ.ย. จากนั้นสัปดาห์ต่อไปจะนัดประชุมเพื่อสรุปประเด็นคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ว่าใครชี้แจงอย่างไรและฟังขึ้นหรือไม่ ก่อนจะประชุมสรุปผลการไต่สวนเพื่อเสนอต่อที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ คาดว่าจะสามารถสรุปผลการไต่สวนได้ภายในเดือน ธ.ค. แน่นอน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์