กันตธีร์ ยัน แม้ว พบผู้นำฐานะเพื่อนเก่า ไม่ฉีกวัฒนธรรมทูต
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 เมษายน 2549 12:00 น.
กันตธีร์ ศุภมงคล แจงแทนนาย ระบุ ทักษิณ บินไปนอกพบผู้นำ 5 ประเทศไม่ผิดวัฒนธรรมทางการทูตเพราะไปในฐานะเพื่อน ยืนยันไม่มีการหารือสถานการณ์ทางการเมือง แต่ถ้าถามก็สามารถตอบได้ คุยต่างชาติชมเปาะเลือกตั้งไทยโปร่งใส
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกันตธีร์ ศุภมงคล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆ ที่ฝ่ายค้านออกมาโจมตีว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและผิดมารยาททางการหรือไม่ ว่า ไม่ถือว่าเป็นการผิดมารยาททางการเมืองแน่นอน เพราะไม่ได้ทำให้ผู้นำเหล่านั้นไม่สบายใจ แต่หากผู้นำไม่สบายใจก็จะไม่มีการตอบรับ ทั้งนี้ การที่นายกฯ ทักษิณ ได้มีการติดต่อกับผู้นำในประเทศเหล่านั้นเป็นการติดต่อในฐานะเพื่อน ซึ่งเขาก็ตอบรับในฐานะเพื่อนเช่นกัน
ทั้งนี้ เป็นที่ชัดเจนว่านายกฯ ทักษิณ อยู่ระหว่างการพักผ่อน ภาษาอังกฤษเรียกว่า On Live ผู้นำทุกท่านนั้นเราได้มีการประสานไป มีความชัดเจนว่าท่านไม่ได้ไปในฐานะทางการ และทางผู้นำนั้นก็มีสิทธิที่จะไม่ว่าง แต่การให้พบจึงเป็นการตัดสินใจของผู้นำเหล่านั้นที่มีข้อมูลที่ชัดเจน ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้สึกไม่ดี จึงไม่มีปัญหาเรื่องประเพณีทางการทูตที่ผู้นำสามารถมีการพักผ่อนได้ และเมื่อพักผ่อนก็ไปพบกับเพื่อน ดังนั้น ประเด็นนี้ไม่มีปัญหาอะไร และที่ชัดเจนถ้าผู้นำเหล่านั้นมีความรู้สึกในทางลบก็สามารถมีท่าที่และออกมาบอกว่าไม่ว่างก็ได้ การที่บอกว่าว่างและยินดีที่จะพบ ก็เป็นการอธิบายในตัวของมันเองว่าไม่มีปัญหาแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาผู้นำต่างประเทศเคยมีการปฏิบัติอย่างนี้บ้างไหม นายกันตธีร์ กล่าวว่ามี ซึ่งก็มีที่ผู้นำต่างประเทศที่มีวาระพักผ่อน บางประเทศพักผ่อนกันเป็นเดือนๆ ก็มาพบนายกฯ และมาพบตนที่เมืองไทยก็มี เป็นการมาพักผ่อนส่วนตัวทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไม่ควรอยู่ในช่วงเว้นวรรค พักผ่อนใช่หรือไม่ รมต.ต่างประเทศ กล่าวว่า คงไม่ใช่เจตนาที่จะไปชี้แจงโดยตรง คงต้องการไปพบกับเพื่อน ถ้าเพื่อนๆ เกิดถามในข่าวสารที่ออกมา เมื่อมีการสอบถามท่านนายกฯทักษิณ ก็จะอธิบายในส่วนที่เป็นมุมมองของท่าน แต่ไม่ใช่เป็นการออกไปเพื่อที่จะอธิบายถึงสถานการณ์บ้านเมือง เป็นการเดินทางเตรียมไปพบกับเพื่อนเก่า
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การทูตแบบเพื่อน ภาษาทางการทูตเรียกว่าอย่างไร รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การทูตแบบเพื่อนเป็นการทูตที่ใช่ความเป็นมิตรแบบเพื่อนเข้าไปเสริม เป็นสิ่งที่ดีสำหรับบ้านเมือง เพราะในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผู้นำหรือรัฐมนตรี สามารถที่จะให้มีความรู้สึก ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งและความเป็นเพื่อนได้ มันจะเป็นการยอมรับที่ให้กับประเทศไทยทั้งในตำแหน่งหน้าที่และส่วนตัว เพราะไม่ว่าท่านจะอยู่ในตำแหน่งหรือไม่ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดี ไม่มีผลกระทบทางลบต่อประเทศ อย่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ไปประชุมที่เมืองบาหลี รมต.ต่างประเทศอาเซียน ถือว่าเป็นเพื่อนต่อกันทำให้บรรยากาศในการทำงานดี เวลามีปัญหาอะไรก็ช่วยกันแก้ไข ถือว่าเป็นเรื่องเสริม จึงถือว่าจะมาช่วยเสริมรูปแบบวิถีทางการทูตที่เป็นทางการส่วนหนึ่งด้วย
เมื่อถามย้ำว่า ในสถานการณ์ต่างๆ ตามปกติทางสถานทูตในประเทศต่างๆ ก็ต้องรายงานอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายกันตธีร์ กล่าวยอมรับว่า บรรดาสถานทูตทั้งหลายก็ต้องรายงานให้ประเทศตัวเองรับทราบ เป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้วเพื่อให้รับทราบข้อมูลทูตของเขาอย่างชัดเจน และการที่เขายินดีที่จะพบนายกฯ ทักษิณ เป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศต่างๆ ไม่มีปัญหาประเพณีทางการทูต ทุกอย่างออกมาด้วยความโปร่งใส จึงได้มีการนัดหมายในฐานะเพื่อน
ต่อข้อถามที่ว่า ทางรัฐบาลได้ส่งใครไปประสานให้นายกฯ ทักษิณ ไปพบกับผู้นำประเทศต่างๆในครั้งนี้ นายกันตธีร์ กล่าวว่า ทางไทยได้ให้สถานทูตของไทยที่นั้นไปประสาน เพราะเมื่อมีเวลาผู้ใหญ่ของไทยไป ทางสถานทูตที่นั้นจะอำนวยความสะดวกให้ และยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติไม่ถูกประเพณีทางการทูตแต่อย่างใด เพราะผู้นำประเทศต่างๆ เมื่อรับทราบเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ที่สถานทูตของแต่ละประเทศก็รายงานให้รับทราบอยู่แล้ว จึงได้ตอบรับอย่างโปร่งใสที่จะพบกับนายกฯ ทักษิณ ในฐานะเพื่อน และในฐานะที่นายกฯ ทักษิณ อยู่ระหว่างการพักผ่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศต่างๆ ก็ไม่ได้มีการสอบถามถึงสถานะของนายกฯ ทักษิณ ขณะนี้หรือที่จะดำเนินต่อไปในอนาคต แม้แต่ในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนที่ประชุมก็ไม่ได้มีการสอบถาม เพราะถือว่าเป็นเรื่องภายในของประเทศไทย แต่ก็ยอมรับว่ามีรัฐมนตรีบางคนได้เข้ามาพูดคุยด้วย และตนก็ได้ชี้แจงไป
สิ่งที่รัฐมนตรีในประเทศเหล่านั้นหลายคนเป็นห่วง คือเรื่องของประชาธิปไตย ที่ห่วงว่าการที่ประชาชนในประเทศไทย คนไทยส่วนมากตัดสินใจเลือกตั้งผู้นำไปแล้ว แต่ผู้นำได้มีการเปลี่ยนไปเพราะมีเรื่องการเดินขบวนคัดค้าน ในจุดนี้มีความเป็นห่วงในลักษณะที่ว่ามีการเลือกตั้งไปแล้วไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเมืองไทยหรือประเทศอื่นๆ ไปแล้ว ในกรอบความถูกต้อง มีการเลือกตั้งอย่างโปร่งใส แต่มีบางพรรคที่ไม่ร่วมด้วย และมีการเดินขบวน ในจุดนี้ต่างประเทศจึงเป็นห่วงประชาธิปไตย เมื่อมีการเลือกตั้งที่เป็นส่วนสำคัญมากว่าต่อไปจะมีอนาคตอย่างไร จึงเป็นข้อกังวลของเขา แต่อีกส่วนเขาก็แสดงความชื่นชมกับประเทศไทยว่าในการแสดงออกต่างๆ ไม่มีการใช้ความรุนแรง นายกันตธีร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่างประเทศไม่เป็นห่วงว่าประชาธิปไตยไทยจะเดินไปอย่างไรระหว่างประเทศพม่าหรือประเทศกัมพูชา รมต.ต่างประเทศ กล่าวว่า เขาเป็นห่วงในลักษณะที่ว่าผลการเลือกตั้งออกมาชัดเจนแล้วตามที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ แต่มีประชาชนส่วนน้อยที่ไม่พอใจที่ออกไปเดินขบวนทำให้มีการเปลี่ยนแปลง ต่างประเทศเป็นห่วงในจุดนี้มากกว่า เพราะจะไปเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นด้วยหรือเปล่าว่าประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งชัดเจนแล้วต้องมาเปลี่ยนเพราะว่ามีคนเดินขบวน จุดนี้เป็นห่วงมาก
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศได้มีการชี้แจงให้ประเทศต่างๆ รับทราบหรือไม่ว่าปัญญาชนที่ออกมาเดินขบวนออกมาเพราะเหตุใด นายกันตธีร์ กล่าวว่า กระทรวงได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แต่ตรงนั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นห่วงอยู่ เนื่องจากจุดสำคัญอยู่ที่การมีส่วนร่วมของประชาชนที่ได้รับข้อมูล สามารถที่จะตัดสินใจได้ว่าควรจะลงคะแนนเลือกใคร และเมื่อประชาชนตัดสินใจแล้ว และยังมีประชาชนส่วนน้อยเดินขบวนเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นก็เป็นข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การเดินทางไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการเดินทางไปเพราะผู้นำในต่างประเทศเชิญมา หรือไปเอง นายกันตธีร์ กล่าวว่า ผู้นำประเทศเหล่านั้นต้องทราบสถานการณ์จากทูตของเขาอยู่แล้ว และที่นายกฯ ทักษิณไป ก็เป็นการทาบทามไปว่าท่านจะขอไปพบกับเพื่อนเก่า เพราะช่วงนี้มีเวลาว่าง ซึ่งเพื่อนของท่านมีทั้งอาจารย์ นักธุรกิจ ผู้นำประเทศ หากเขาว่างท่านก็จะไปพบในฐานะส่วนตัว เพราะอยู่ในช่วงของการพักผ่อน
ส่วนที่ฝ่ายค้านชี้ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ยิ่งอยู่ในช่วงของรัฐบาลรักษาการ เพราะปกติไม่มีการกระทำกัน นายกันตธีร์ กล่าวว่า หากไม่เหมาะสมจริงๆ ฝ่ายผู้นำประเทศต่างๆปฏิเสธได้ แต่การที่ผู้นำประเทศตอบรับ ถือว่าเป็นการพิจารณาของเขาที่จะรับนายกฯ ทักษิณ ซึ่งเขาก็รับทราบสถานการณ์เมืองไทยดี แต่ทางเขาก็ยินดีรับ ก็แสดงว่าได้พิจารณาแล้วว่าเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายกฯ ทักษิณ ยังต้องการให้ต่างชาติเห็นว่าตนเองมีศักยภาพอยู่ นายกันตธีร์ กล่าวว่า เป็นการคุยกันในฐานะเพื่อน เพราะท่านได้สร้างมิตรและเพื่อนไว้มากมาย เป็นการไปคุยกันไม่มีอะไรมากกว่านั้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องของอนาคตของเมืองไทย หรือของรัฐบาล จะเป็นการตัดสินใจของคนไทย ต่างชาติไม่มีส่วนอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องของเพื่อนพบเพื่อน
เมื่อถามต่อว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับมาแล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศจะชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ประชาชนได้รับทราบหรือไม่ นายกันตธีร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัว หากมีอะไรที่ท่านเห็นว่าดีต่อประเทศไทยก็จะเล่าให้ฟังเอง