กรณีที่คณะอนุกรรมาธิการการตำรวจและสิทธิมนุษยชน ในคณะกรรมาธิการยุติธรรม การตำรวจ และสิทธิมนุษยชน สนช. ได้สรุปผลการตรวจสอบการครอบครองที่ดินเขายายเที่ยงว่า เป็นการบุกรุกเขตป่าสงวนและป่าอนุรักษ์นั้น
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พูดมาตลอดเวลาว่าพร้อมที่จะรับการตรวจสอบ เพราะไม่ได้เป็นการปกปิดอำพราง และมีการแจ้ง ป.ป.ช.ตั้งแต่ ก่อนเป็นนายกฯ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.และ ผบ.ทหารสูงสุดแล้ว และล่าสุดเมื่อเข้ามารับตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ก็ได้มีการแจ้งไปยัง ป.ป.ช.แล้ว โดยลงนามเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เป็นการแจ้งว่าเป็นการโอนที่เขายายเที่ยงให้กับบุตรชายคนเล็ก
พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า คงต้องขอพูดตรงนี้อีกครั้งว่า ตามกฎหมายเราจะต้องมีชื่อของเจ้าบ้านเพื่อขอไฟมาเข้าที่
ก็เป็นการดำเนินการไปตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยว่า เมื่อมีบ้านแล้วก็ต้องมีบ้านเลขที่ ต้องมีชื่อเจ้าบ้านเพื่อขอไฟจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ถ้าไม่มีเจ้าบ้านก็ไม่สามารถทำได้ การเปลี่ยนชื่อเจ้าบ้านนั้นก็เป็นการทำตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากภรรยามีชื่อเป็นเจ้าบ้านที่บ้านลาดกระบัง ความจริงอยู่ในเขต จ.สมุทรปราการ ส่วนตนก็มีชื่อเป็นเจ้าบ้านที่ซอยพิบูลย์วัฒนา แต่กรรมสิทธิ์ที่ดิน กรรมสิทธิ์บ้านเป็นของภรรยา ส่วนที่เขายายเที่ยง ภรรยาก็ขอยกให้ลูกชายเป็นเจ้าบ้าน แต่เดิมกฎหมายเลือกตั้งระบุว่า ผู้ที่เป็นเจ้าบ้านที่ไหน ก็ต้องไปใช้สิทธิ์ในการลงคะแนนที่นั่น แต่ภรรยามีชื่อเป็นเจ้าบ้าน 2 แห่งถือว่าไม่ถูก จึงยกให้ลูกชายเป็นเจ้าบ้าน ไม่ได้เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ ส่วนสิทธิ์ในการใช้ที่ดินก็ยังเป็นสิทธิ์ของภรรยา เพราะเป็นผู้จ่ายเงินภาษีบำรุงท้องที่