เสนาะ รับมีหลายพรรคทาบเข้าร่วม

พูดเป็นนัยการเมืองวันนี้ไม่น่าเล่น
 

เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ระหว่างพรรคเล็กกับพรรคใหญ่มองว่าพรรคไหนได้เปรียบมากกว่ากัน นายเสนาะตอบว่า ในเรื่องการหาเสียงพรรคเล็ก พรรคใหญ่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพียงแต่พรรคใหญ่ทำให้มีคนจำนวนมาก แต่ทั้งหมดอยู่ที่จังหวะและบุคลากร “ยอมรับว่าที่ผ่านมาผมเล่นการเมืองแบบซื่อ ๆ ไม่คิดว่าอยู่ดีๆจะเอาอย่างนั้นอย่างนี้ ปรับเปลี่ยนกันไปมามันก็เลยมีปัญหา ผมต้องมองหลายด้าน ตอนนี้การเมืองไม่น่าเล่นเลยจริงๆ การจะรวมต้องดูว่ารวมพรรคเพื่ออะไร จะไปในทิศทางไหน ไม่ใช่ว่าจะใหญ่เพียงอย่างเดียว จะต้องดูจุดหมายของประเทศว่าไปได้ตรงไหน” เมื่อถามว่า การเมืองขณะนี้ไม่น่าเล่นเพราะต้องการจะเว้นวรรคใช่หรือไม่ นายเสนาะตอบว่า “อย่ามาถามนำผมดีกว่า”

“ประมวล” ยุส่ง “เสนาะ” วางมือ
 

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ที่ทำการพรรคประชามติ นายประมวล รุจนเสรี หัวหน้าพรรคประชามติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะนำสมาชิกพรรคไปรวมกับพรรคเพื่อแผ่นดินว่า ตนเคารพนายเสนาะเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง ในฐานะที่เป็นน้องคนเล็ก อยากขอแนะนำว่า “พี่เหนาะเป็นผู้มีประสบการณ์สูงและเป็นปูชนียบุคคลทางการเมือง ควรจะตัดสินใจได้ และกลั่นกรองว่าอะไรควรทำในครั้งสุดท้ายของชีวิต ถ้าเป็นไปได้อยากให้นายเสนาะพักเสียดีกว่าไม่ต้องไปอยู่กับใคร อย่าย้ายพรรคเลยขอให้วางมือ ไม่ต้องไปรวมกับพรรคไหน ที่พูดนั้นหมายถึงอยากให้พี่เหนาะควรวางมือ เพราะถ้าพี่ไปอยู่กับใคร พี่ก็อาจจะช้ำใจได้ ส่วนลูกๆหลานๆ ก็โตๆกันแล้ว น่าจะหาทางออกได้” ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายเสนาะ เอาลูกๆหลานๆมาฝากไว้ที่พรรคประชามติจะรับหรือไม่ นายประมวล ตอบว่าจะวิ่งเอาผ้าขาวไปปูรับเลย
 

ประชามติขอเงินจากตลาดหลักทรัพย์
 

นายประมวลกล่าวถึงจุดประสงค์ของการตั้งพรรค ประชามติ ว่าเป็นเพราะอ่านเกมการเมืองออกว่าจะมี ส.ส. ย้ายพรรคกันวุ่นวาย และหาทางออกไม่ได้ ดังนั้นทุกคนต้องเอาตัวรอดเพื่อหาหนทางเป็น ส.ส.ให้ได้ ดังนั้นจึงนำเสนอพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา ภายใต้ชื่อพรรคประชามติ มีอุดมการณ์ใสสะอาด ไม่ซื้อเสียง แต่จะขายนโยบายและความคิด หลายคนสงสัยว่าตนเอาเงินที่ไหนมาทำพรรค ซึ่งตนมีวิธีการหาเงินโดยทำจดหมาย 6,000 ฉบับ ถึงกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขอแบ่งปันผลกำไร มาร่วมกิจกรรมกับทางพรรค ซึ่งมั่นใจว่าจะได้เงินพอสมควร