ที่สวนชูวิทย์ สุขุมวิทย์ 10 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เปิดแถลงข่าวจะไม่ลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งปี 2550 ว่า
สิ่งที่ตนจะบอกในวันนี้เป็นไม่ได้ตีอกชกตัวแต่เป็นสิ่งคนในพรรคชาติไทยเกินกว่า 80 เปอร์เซ็นต์อยากพูดแต่ไม่กล้าพูด เรื่องแรกคือนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยได้แจ้งให้ตนลงสมัครส.ส.แบบสัดส่วน ลำดับที่ 2 ในเขต กทม. สมุทรปราการและนนทบุรี ซึ่งตนรับได้แต่ยังไม่พร้อมที่จะลงเลือกตั้ง จะหยุดตัวเองใน การเลือกตั้งปี 2550 ทั้งนี้ตนไม่ลาออก ไม่ย้าย จะอยู่พรรค ถ้าไปอยู่พรรคอื่นให้เอาหัวเดินต่างเท้า เพราะตนยังมีความจงรักภักดีต่อหัวหน้าพรรค ที่นักการเมืองในปัจจุบันไม่มี เมื่อผลประโยชน์ของตัวเองเข้ามาก็เหมือนสัตว์เศรษฐกิจที่จะกระโจนเข้าหาทุกอย่าง จะเป็นนักการเมือง 3 พรรคภายในวันเดียว อย่างไรก็ตามขณะนี้เหลืออีก 50 วันก็จะถึงเลือกตั้งแล้วตนในฐานะรองหัวหน้าพรรค เป็นกรรมการบริหารพรรค ยังไม่ทราบใครจะเป็นผู้นำในการหาเสียงของกทม.เลย
รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวต่อว่า
ตนเป็นชาติเสือต้องจับเนื้อกินเอง วันนี้นายบรรหารเป็นนักการเมืองที่คลาสสิค นุ่มนวล รุ่มลึก เจนจัด ทำงานหนัก ล้ำค่าอย่างยิ่ง คนอย่างตนต้องศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความหวังดีเป็นอย่างยิ่งในวัย 75 ปีของท่าน เรื่องสังขารไม่เที่ยงแท้ พระเจ้าไม่ได้สร้างให้คนวัยอย่างท่านต้องตรากตรำทำงานหนัก ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ไม่ใช่ให้ท่านบริหารคนเดียว ไม่ใช่ให้ท่านทำงานแบบพ่อๆลูกๆ ต้องเป็นมติพรรคจริงๆไม่ใช่มติของครอบครัว 3 คนพ่อลูก ตนไม่ได้ว่ากล่าวหัวหน้าแต่พรรคต้องแยกความเป็นเจ้าของกับการบริหารออกจากกัน ทุกอย่างหัวหน้าจะตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ ให้ดูการยุบพรรคไทยรักไทยเป็นบทเรียนหากหัวหน้าพรรคทำ กรรมการบริหาร พรรครวมทั้งตนด้วยต้องรับผิดชอบทั้งหมด และที่นี่ไม่ใช่ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือเป็นบริษัทศิลปอาชาจำกัด ต้องแบ่งการบริหารองค์กรภายในให้ดี ไม่เช่นนั้นอนาคตของพรรคชาติไทยจะสูญพันธุ์ อย่างไรก็ตามตนอยากให้นายบรรหารเอาประสบการณ์จากการทำความยิ่งใหญ่ให้จังหวัดสุพรรณบุรีมาสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับกทม. และประเทศไทยบ้าง
“เงินทองทรัพย์สมบัติพ่อส่งต่อให้ลูกได้ แต่บารมีของพ่อส่งต่อให้ลูกไม่ได้ลูก ต้องสร้างเอง การบริหารแบบแฟมิลี่จะอยู่ไม่เกินสองเจเนอเรชั่น บางครั้งก็เหลืออยู่แค่เจเนอเรชั่นเดียวได้ พรรคชาติไทยไม่ใช่ศิลปอาชาเป็นเจ้าของ ท่านต้องปล่อยมือ ปล่อยวาง ให้คนอื่นทำบ้าง แม้คนอื่นจะทำสู้ท่านไม่ได้ แต่พรรคการเมืองต้องมีระบอบประชาธิปไตยในบ้านเสียก่อนที่จะไปดูแลนอกบ้าน หลายคนผิดใจกับหัวหน้าพรรคแล้วออก แต่ผมไม่ออก แต่ผมจะทำงานให้พรรคชาติไทย แต่หาก พรรคชาติไทยจะไล่ผมออก ขับผมออก ผมยอมรับ ถ้านายบรรหารปล่อยวางให้พรรคชาติไทย เป็นสถาบัน นายบรรหารจะเป็นรัฐบุรุษท่านที่สองต่อจาก พล.อ เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี สมาชิกจะวางท่านไว้ระดับเดียวกับพล.ต.อ. ประมาณ อดิเรกสาร และพล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตหัวหน้าพรรค สิ่งที่ผมพูดไม่ใช่มาแย่งสมบัติกับคุณนา (นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ลูกสาวนาย บรรหาร) เพราะความเป็นพ่อลูกเขายังมี ” นายชูวิทย์กล่าว
ชูวิทย์ เบรกแตกอัดหัวหน้า เติ้ง
นายชูวิทย์ กล่าวว่า
น่าสังเกตที่พรรคไม่มีใครเลย นอกจากหนูนาคนเดียวที่ออกมาตอบโต้ทุกครั้ง ทั้งๆที่เป็นงานของลูกกระจ๊อก ตนไม่ให้ราคา ดังนั้นแทนที่จะมาตอบโต้ตนเอาไว้สะสมบารมีตัวเองจะดีกว่า เสนออะไรที่มันสร้างสรรค์บ้าง วันนี้หมดยุคหลงจู้ที่ดีดลูกคิดแล้ว ท่านต้องทำงานบริหารแบบ เซเว่นอีเลเว่น ที่รูดปื๊ดรูดปื๊ด วันนี้ตนรู้สึกอึดอัดเพราะต้องพูดความจริงเพียง 50% ต่อข้อถามว่ามีสมาชิกจำนวน มากที่เห็นด้วยทำไมไม่รวมตัวกันเพื่อเชิญนายบรรหารลงจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค นายชูวิทย์ กล่าวว่า “คุณคิดว่าไม่มีเหรอ แต่ที่พูดไม่ได้ต้องการเชิญท่านลงจากเก้าอี้ ในระยะเวลาสำคัญที่จะมีการเลือกตั้งอย่างนี้ การเปลี่ยนม้ากลางศึก เปลี่ยนขุนศึกกลางสนาม ไม่มีใครทำกัน ” เมื่อถามว่าใครเหมาะสมขึ้นกับตำแหน่งหัวหน้าพรรค นายชูวิทย์ กล่าวว่า “หนูนาคงตอบได้มั้ง ไม่ใช่ผม”
ที่พรรคชาติไทย นาย บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ปฏิเสธที่จะให้ สัมภาษณ์ใดๆกับผู้สื่อข่าวเพื่อเป็นการตอบโต้หลังจากที่นายชูวิทย์ได้เปิดแถลงข่าวไป โดย นายบรรหารกล่าวเพียงสั้นว่า มอบให้นาย นิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคเป็นผู้ชี้แจงแทน โดยนายนิกร กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคชาติไทยมีการแบ่งงานให้รองหัวหน้าพรรคคนอื่นๆ รับ ผิดชอบตามความเหมาะสม ไม่มีการรวมศูนย์อำนาจในการบริหารจัดการงานภายในพรรคไว้ ที่นายบรรหารคนเดียวอย่างที่เข้าใจ ส่วนกรณีการจัดลำดับว่าที่ผู้สมัครส.ส.ในระบบสัดส่วน ของพรรคชาติไทยนั้นก็มีการประมวล คัดเลือกตัวบุคคลที่เหมาะสมอย่างเป็นระบบ ซึ่งขณะ นี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะให้บุคคลใดลงเป็นผู้สมัครส.ส.ระบบสัดส่วน ทั้งนี้ทางพรรคจะไม่ตอบโต้ใดๆและจะไม่มีท่าทีใดๆกับนายชูวิทย์ รวมถึงจะไม่มีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนหรือขับไล่แต่อย่างใด
ด้านนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวว่า
นายชูวิทย์ไม่ควรมาพูดกันเรื่องนี้เพราะใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นที่ยอมรับของสังคมและสมาชิกพรรค ซึ่งถ้าไม่มีคนที่ชื่อนายบรรหาร มองไม่ออกว่าพรรคจะเดินไปในทิศทางใด ที่นายชูวิทย์มาอ้างว่าพูดแทนสมาชิกพรรค 80 % ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะคนอย่างตนและอย่างนาย จองชัย เที่ยงธรรม ก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ในพรรคทั้งนั้น ไม่มีใครมาพูดแทนกันได้ และตนก็ให้การยอมรับในตัวหัวหน้ามาเสมอ และตอนนี้ก็คงยังไม่มีการดำเนินการทางวินัยหรือข้อมติพรรคเพื่อขับนายชูวิทย์ อย่างไรก็ตามเรื่องผู้สมัครส.ส.ในเขตกทม. วันนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะจัดใครลงบ้างเพราะต้องรอความเห็นจากที่ประชุมพรรคก่อน รวมทั้งกรณีพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่เป็นส.ส.สัดส่วนของพรรคชาติไทย ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกัน