“สนธิ” รับหนักใจงานรองนายกฯ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สายตรงทำเนียบรัฐบาล” โดยมีนายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการ โดย พล.อ.สนธิได้ตอบคำถามถึงการทำงานในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงมากเพราะต้องมาเริ่มตั้งจากศูนย์ นับหนึ่งใหม่โดยใจเราต้องไปเผชิญกับสิ่งที่เราไม่รู้จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักใจพอสมควร เมื่อถามว่ามีความรู้สึกเหมือนเป็นนักฝึกงานไหมในตำแหน่งรองนายกฯ พล.อ.สนธิ ตอบว่าไม่ถึงขนาดนั้น เพราะภาระที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย ก็เคยสัมผัสและเกี่ยวข้องมาหมดอยู่ในสมัยทำงานทหาร
สนธิ ย้ำไม่ลงการเมืองหลังพ้นเก้าอี้
ปลุกจิตสำนึกรากแก้วต้านซื้อเสียง
พล.อ.สนธิยังกล่าวถึงการทำงานในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีว่าน่า จะทำงานในตำแหน่งนี้อย่างช้าไม่เกินเดือน ม.ค.2551 ภาระของรัฐบาลขณะนี้คือมุ่งไปสู่การเตรียมการเลือกตั้ง ให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นเป้าประสงค์ที่เราต้องการ ดังนั้นทุกกระทรวงจะต้องช่วยสนับสนุนเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องนี้ ส่วนการเป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และการแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงนั้น จะมีหน้าที่ในการทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง หากช่วงเวลา 3 เดือนนี้ทุกกระทรวงช่วยกันทำงานจะทำให้ได้ผลในระดับหนึ่ง โดยจะให้แนวทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. หมออาสา ครูอาจารย์ซึ่งทำงานกับประชาชนระดับรากแก้วมีความเข้าใจให้มากที่สุดเพื่อให้นำข้อมูลนี้ส่งต่อไปยังประชาชน หากช่วงเวลาที่เหลืออยู่สามารถทำงานได้ตรงเป้า ตรงจุดก็คิดว่าประชาชนจะเข้าใจ จากนี้ไปสื่อของรัฐทุกชนิดต้องหันมาช่วยกัน อยากฝากประชาชนให้ทบทวนอดีตที่ผ่านมาว่า การเลือกนักการเมืองผิดทำให้บ้านเมืองเสียหายเพียงใด ต่อไปการเลือกนักการเมืองควรให้เป็นคนดีซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อชาติมาเป็นผู้บริหารประเทศ
ย้ำไม่ลงการเมืองหลังพ้นเก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของรายการ ผู้ดำเนิน รายการได้ถามถึงอนาคตทางการเมืองของ พล.อ.สนธิว่าจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า คิดถูกแล้ว เพราะการเมืองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้าเราไม่มีความถนัดไม่มีอะไรพร้อม เข้าไปก็คงทำอะไรลำบาก เพราะการเมืองปัจจุบันเป็นเรื่องที่ยังน่ากลัวอยู่ อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้คนดี คนเก่งอย่าถอยหนีการเมือง ต้องหันไปช่วยการเมืองเข้าไปสู่ถนนการเมืองให้ได้ จะได้ช่วยบ้านเมืองให้มีคุณธรรม ถ้ากลัวแล้วถอยออกมา วงจรทาง การเมืองจะได้สิ่งเก่าๆเข้าไป ปัญหาทางการเมืองก็ไม่มีใครแก้ “ผมเกษียณแล้ว และพยายามหาแนวทางที่จะขับเคลื่อนเรื่องนี้มาอย่างมหาศาล ถือว่าเติมน้ำมันมาแค่นี้ ตอนนี้น้ำมันหมด แต่ไม่ใช่ว่าพลังหมด พลังยังมีอยู่ แต่ว่าลิมิตของการเดินทางตามห้วงเวลามันจบลงไปแล้ว วันข้างหน้าต้องขออนุญาตว่า น่าจะให้กำไรแก่ชีวิตบ้าง”