“ผมไม่เคยเห็นนักการเมืองวิ่งขายตัวกันอย่างนี้ เอารายชื่อผู้แทนไปประมูลขายตัวกัน มีคนดูดผู้แทนมาตั้งราคาค่าหัวกัน ทำให้ผมท้อและหดหู่ใจมาก ยิ่งถ้าเล่นการเมืองกันอย่างนี้อย่าหวังเลยว่าอนาคตของบ้านเมืองจะได้รับการแก้ไขจากนักการเมืองตามครรลองประชาธิปไตย ยิ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาระบุว่า ส.ส.ไม่จำเป็นต้องฟังมติพรรค ถ้าพอได้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีอีแร้งรุมทึ้งกันอีก เพราะได้นักการเมืองที่มาจากการซื้อขายตัว ไม่รู้จะเลือกตั้งกันไปทำไม เลือกตั้งไปผมฟันธงอนาคตมืดมน ประเทศจะแตกแยกย่อยยับ จะมีความวุ่นวายตามมามากมาย มีนายกฯรักษาการดีกว่าเกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก เอาพวกอะไรมาก็ไม่รู้ ที่ต้องแตกแยกกันก็เพราะเงิน บางคนอยู่ดีๆก็หลงใหลไปจะเป็นนั่นเป็นนี่ ตอนนี้ประเทศชาติไม่เหลืออะไรให้กอบโกย เหลือแต่ซากที่ยิ่งกว่าเอาเลือดกับปู อย่าหวังว่าจะมาดูดอะไร” นายเสนาะกล่าวอย่างมีอารมณ์
ถอดใจคาดปักธงได้แค่ 3 ที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการแต่งตั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง จะสามารถดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมได้หรือไม่ นายเสนาะตอบว่า ไม่ต้องพูดไปถึงการซื้อสิทธิขายเสียง เพราะแม้แต่ตัว ส.ส.ยังประมูลกัน ให้ใครมาดูแลเรื่องการเลือกตั้งก็ไม่จบหรอก ไม่มีทางนายเสนาะยังกล่าวถึงการส่งผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคว่า ถึงตอนนี้เชื่อว่าพรรคประชาราชคงได้ ส.ส.มาบ้างประมาณ 3 ที่นั่ง แต่จะไม่ทุ่มงบประมาณไปประมูลตัว ส.ส.มา เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเล่นการเมืองไปเพื่ออะไร