ประสงค์ขู่ 111ทรท.ระวังถูกยุบพรรคซ้ำ หากผิดกม.เลือกตั้ง

'ประสงค์' เชื่อ 'บิ๊กบัง' ตั้งกก.ป้องกันซื้อเสียง ช่วยให้เลือกตั้งโปร่งใสได้

เตือนให้วางตัวเป็นกลาง ขู่ 111 กก.บห.ทรท.ผิดกม.เลือกตั้งระวังถูกยุบพรรคอีก จี้รัฐแจงให้ชัดเหตุคงกฎอัยการศึก ที่รัฐสภา น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฏีกากำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ว่า หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความพร้อม ซึ่งคาดว่าคงไม่มีปัญหา แต่กระบวนการที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมต้องพิจารณาต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโปร่งใสในการจัดการเลือกตั้งและการทุจริตต่างๆ ส่วนกรณีที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการรณรงค์ป้องกันการซื้อเสียงในช่วงเลือกตั้ง ตนคิดว่าพล.อ.สนธิ อยู่ในฝ่ายบริหาร และคงจะช่วยมีส่วนช่วยเหลือในการเลือกตั้ง และรับผิดชอบดูแลในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งคงไม่สามารถไปกำกับหรือควบคุมการเลือกตั้งได้ เพราะเป็นหน้าที่ของกกต. ดังนั้น หน้าที่ของฝ่ายบริหารคือเป็นแค่ผู้ช่วยกกต. ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ป้องกันอิทธิพล อำนาจมืดในพื้นที่

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า กรณีที่พรรคพลังประชาชน วิตกในการเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวของพล.อ.สนธิ

เชื่อว่าฝ่ายบริหารหรือฝ่าย กกต. คงไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่ที่จะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่ฝ่ายนักการเมืองไม่ว่าพรรคใด หากปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายเลือกตั้ง และดำเนินการแข่งขันการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ตนคิดว่าคงไม่มีหน่วยงานใดไปหวงห้ามหรือกีดกันได้ นอกจากพรรคการเมืองนั้นมีพฤติกรรมสั่งสมในเรื่องของการใช้อิทธิพล เช่น คนในพื้นที่และเงินทุนก็จะถูกตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าประชาชนรู้ดีว่า พรรคไหนมีการสั่งสมอิทธิพล อย่าไปคิดว่าฝ่ายรัฐและกกต.จะมุ่งที่จะกำจัดพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งตนคิดว่าคงไม่กล้าทำ เพราะหากทำไปแล้วก็ผิดเอง

เมื่อถามต่อว่าการแต่งตั้งพล.อ.สนธิ ขึ้นมาทำหน้าที่ดูเหมือนเป็นการเดินเกมให้พรรคการเมืองหนึ่งที่มีสัญญาใจกับพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า คนที่ถูกเพ่งเล็ง ก็ต้องทบทวนและพิจารณาให้ดี เพราะหากทำอะไรพลาดไป และอยู่ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐจะเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตัวบุคคล แต่หากพล.อ.สนธิ ดำเนินการตามหน้าที่ในขอบเขตที่ดูแลเรื่องการป้องปรามการทุจริตการเลือกตั้ง เชื่อว่าการทำหน้าที่ดังกล่าวคงไม่มีใครกล่าวหาได้ แต่ถ้าเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงกระบวนการจัดการเลือกตั้ง ก็คงจะไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายบริหาร ดังนั้นก็ต้องระวัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การดำเนินการหาเสียงของพรรคพลังประชาชนที่จะนำนโยบายเดิมของอดีตพรรคไทยรักไทยมาใช้ในการหาเสียงจะทำได้หรือไม่

น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า หลังมีพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งแล้ว ทุกพรรคการเมืองจะต้องศึกษาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ให้ละเอียด เพราะหากทำผิด อาจจะถูกดำเนินคดีและนำไปสู่การยุบพรรคได้ โดยเฉพาะการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายลูกที่ว่าด้วยกกต. หรือแม้แต่การตั้งพรรคการเมืองรวมไปถึงการกระทำที่ขัดต่อคำสั่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสิทธิ์อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน และมีคำสั่งห้ามอดีตกรรมการบริหารเหล่านั้นดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใดๆ

'หากขัดคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญหรือในแง่ที่กฎหมายระบุไว้ ก็อย่าไปทำ เพราะเสียเวลาเปล่า เพราะหากมีการฟ้องร้องและตรวจสอบว่าผิดก็อาจจะมีโทษถึงยุบพรรคได้' น.ต.ประสงค์ กล่าว

น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ควรจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกก่อนถึงวันเลือกตั้งเห็นว่า ในพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้กฎอัยการศึกในการป้องกันปราบปรามในสิ่งที่ผิดกฎหมาย

เช่น เรื่องยาเสพติด การลักลอบเข้าเมือง ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายทหารควรจะมีการตั้งโต๊ะชี้แจงถึงเหตุผลข้อเท็จจริงว่า เพราะเหตุใดจึงไม่สามารถยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่หลายจังหวัดนั้นได้ ซึ่งหากฝ่ายทหารชี้แจงให้ประชาชนทราบ เชื่อว่าประชาชนจะรับได้ แต่ถ้าไม่มีการชี้แจงประชาชนก็จะสงสัยว่าคงไว้จะจัดการกับพรรคการเมืองใดหรือไม่

เมื่อถามถึงข้อปฏิบัติของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ภายหลังที่มีการประกาศพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า

คงทำงานปกติต่อไป เพราะรัฐธรรมนูญมีบทเฉพาะกาลกำหนดไว้ว่าให้ทำงานต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ส่วนอำนาจในการโยกย้ายข้าราชการหรือพนักงานหน่วยงานของรัฐ คงทำไม่ได้ เพราะเป็นการโยกย้ายนอกฤดูกาล และไม่สมควรทำ ส่วนการอนุมัติงบประมาณโครงการขนาดใหญ่ก็ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน หมายความว่าต้องพิจารณาในกฎหมายอื่นประกอบด้วย ซึ่งในมาตรา 181 เป็นเพียงข้อบังคับ