ชี้ บังธิ นั่งประธานคกก.ป้องกันซื้อสิทธิฯ หนุนการทำงาน กกต.

กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการการป้องกันการซื้อสิทธิ์ขายเสียงว่า เชื่อมั่นว่าการทำงานจะไม่ซ้ำซ้อนกับกกต. และจะเป็นผลดีต่อบ้านมือง เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง จึงมีความเป็นกลาง โอกาสที่จะถูกครหานินทาว่าจะเข้าข้างพรรคใดพรรคหนึ่งนั้นไม่มี ซึ่งถือว่าการเข้ามาทำงานครั้งนี้เป็นการช่วยให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราก็มีองค์กรเอกชนตรวจสอบการทำงานของเราอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องวางตัวเป็นกลางด้วย

“ในเมื่อตัวท่านเองต้องวางตัวเป็นกลางอยู่แล้ว ผมเข้าใจระดับท่านก็คงรู้ดีว่าต้องช่วยชาติบ้านเมืองในระยะนี้ แต่เข้าใจว่าอาจมีหลายคนที่คิดไม่ดีมองแง่ร้ายมากกว่า ซึ่งผมว่าควรมองในแง่ดีเพราะทุกคนก็อยากช่วยชาติ” นายสุเมธ กล่าวและว่า ส่วนเรื่องของการแบ่งหน้าที่ในการณรงค์การป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงนั้น คงต้องทำทุกทาง กกต. มีนโยบายอย่างไรก็ทำไป ส่วนของรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ของรัฐบาล

ความจริงวันที่พล.อ.สนธิมาพบ กกต. ท่านจะมาเป็นประธานประชาสัมพันธ์ในเรื่องวาระแห่งชาติ ประเด็นสำคัญคงเป็นเรื่องประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการลงคะแนนเสียง เพราะรูปแบบเปลี่ยนไป อาจทำให้ประชาชนสับสน ซึ่งต้องใช้การประชาสัมพันธ์อย่างมาก ไม่เช่นนั้นจะมีบัตรเสียเป็นจำนวนมาก รวมถึงการประชาสัมพันธ์เรื่องการซื้อสิทธิขายเสียงซึ่งแต่ก่อนมีคนนำเงินมาให้หากรับก็ไม่มีความผิด แต่กฎหมายใหม่ระบุว่ามีความผิด

“ผมคิดว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาคงไม่มีปัญหาเรื่องการแทรกแซงการจัดการเลือกตั้ง เพราะหน้าที่การจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต. เราก็เหมือนกรรมการตัดสินฟุตบอล ใครล้ำเส้นเล่นแรงก็ต้องเป่าลงโทษไป ใครจะแพ้ชนะก็คงไม่เกี่ยวกับ กกต. เราก็ต้องดูให้เป็นธรรมที่สุด” นายประพันธ์ กล่าวและว่า การตั้งกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นมา คงไม่เป็นการลดทอนอำนาจของ กกต.  แต่เชื่อว่าเป็นการสนับสนุนงานของกกต.มากกว่า ซึ่งนายกฯ ก็แถลงชัดเจนในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่หากเจ้าหน้าที่รัฐทำตัวไม่เป็นกลาง หรือไปทำอะไรที่เป็นคุณเป็นโทษ กกต. ก็คงต้องดำเนินการตามกฎหมาย

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า การประชุมวันนี้เป็นการประชุมเรื่องวิธีการหาเสียง

เช่น การติดป้ายโฆษณาทางสื่อ วิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งจะนำไปหารือกับพรรคการเมืองใน 22 ต.ค. นี้ นอกจากนี้ จะมีการหารือเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต ซึ่งจะพิจารณาในส่วนจังหวัดที่ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ หากจังหวัดไหนแบ่งเขตเสร็จก่อน ก็จะทยอยประกาศออกมาก่อน.