บุญรอด ลั่นไม่หวั่นเกมล้มรัฐบาล

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กับ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและส่งเสริมการสร้างคุณธรรม และจริยธรรมแก่นักการเมือง ข้าราชการและประชาชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่บานปลาย เพราะนายกฯวางเฉยแล้ว ส่วนคนที่ดิ้นรนต่อไปคืออีกฝ่ายหนึ่ง ทุกคนเข้าใจแล้วว่าไม่สามารถทำอะไรได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า น.ต.ประสงค์พยายามเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลมีความเป็นห่วงหรือไม่ เพราะอาจทำให้การเลือกตั้งเลื่อนได้ พล.อ.บุญรอดตอบว่า เท่าที่ประมาณการไว้คงไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ รัฐบาลจะล้มได้คือนายกฯ ถอดใจ หรือลาออก แต่เมื่อนายกฯประกาศชัดเจนว่าจะอดทน และไม่ถอดใจแน่นอน  

เชื่อ “สนธิ” กาวใจ “สุรยุทธ์-บิ๊กสงค์”

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกฯ จะเป็นกาวใจคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น พล.อ. บุญรอดตอบว่า ต้องใช้ระยะเวลา เพราะ พล.อ.สนธิบอกแล้วว่า อยากเป็นกาวใจให้กับทุกคน เมื่อถามว่ามั่นใจว่า พล.อ.สนธิ จะเป็นกาวใจเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ได้ พล.อ. บุญรอดตอบว่า เรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลา เพราะบางอย่างอาจจะมีทิฐิกันอยู่ แต่หากเวลาผ่านไป อาจจะพูดคุยกันได้ เมื่อถามว่า ขณะนี้ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับสถานการณ์ แต่ระดับผู้ใหญ่ของบ้านเมืองยังคิดเอาชนะกันอยู่ ทั้งที่มีนโยบายสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น พล.อ. บุญรอดตอบว่า ได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์หลายฉบับสอดคล้องกันว่า ประชาชนเบื่อหน่ายและไม่อยากเห็นทะเลาะกัน อยากเห็นการเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่กำหนด ประเทศชาติจะได้เป็นประชาธิปไตย แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น  

เมื่อถามว่า ทุกฝ่ายควรทบทวนบทบาทของตัวเองในการวางตัวในสถานการณ์ขณะนี้อย่างไร เพื่อเป็นตัวอย่างกับประชาชน พล.อ.บุญรอดตอบว่า ขึ้นอยู่กับความสำนึก โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองที่มุ่งไปสู่การเลือกตั้ง ทุกฝ่ายวางตัวอยู่ในกรอบอยู่แล้ว ฝ่ายรัฐบาลไม่ต้องพูดถึงเราพยายามมุ่งมั่นเดินไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ส่วนฝ่ายที่เห็นว่าจะเลื่อนการเลือกตั้งเป็นส่วนน้อย คนส่วนใหญ่คงไม่เห็นด้วย และช่วยกันประณามผู้ที่ขัดขวางฝ่ายที่ต้องการให้เลื่อนการเลือกตั้ง เพราะเห็นว่าฝ่ายโน้นน่าจะได้เปรียบอยู่เวลานี้ ฝ่ายตรงข้ามหมายถึงฝ่ายอำนาจเก่าที่มีความพร้อมและมีกำลังเงิน หากเลือกตั้งเร็วฝ่ายที่คิดว่าจะเสียเปรียบ เขาก็อยากให้มีการเลื่อนออกไปก่อน ทั้งนี้รัฐบาลมีนโยบายอยู่ โดยเฉพาะนายกฯพูดเสมอว่าจะต้องวางตัวเป็นกลาง เพราะ 1 ปีที่ผ่านมาที่จะทำให้ บ้านเมืองไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม

สนช.ดึงกลุ่มนอกสภากดดันรัฐบาล

ขณะที่นายประพันธ์ คูณมี สมาชิก สนช.ให้สัมภาษณ์ถึงการทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น หรือเจเทป้าว่า ต้องรอดูท่าทีจากรัฐบาล หลังจาก สนช.ได้ยื่นกระทู้ถามสดในเรื่องนี้แล้ว และจะส่งเป็นหนังสือคำอธิบายเหตุผลให้รัฐบาลพิจารณา เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ควรดูการทำข้อตกลงระหว่างประเทศของรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งไม่ถูกต้อง และครั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศมีความเห็นว่า ต้องนำเรื่องเข้าสภา จึงเห็นว่ารัฐบาลควรนำเรื่องนี้เข้าสภา เพื่อขอความเห็นชอบ ส่วนกรณีที่ สนช.จะยื่น เรื่องนี้ให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่ารัฐบาลจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม สนช.ก่อนทำเจเทป้านั้น สนช.ยังไม่ได้พูดคุยกัน เพราะถ้ายื่น ครม.ต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญทั้งคณะ และการวินิจฉัยคงมีหลังเลือกตั้งไปแล้ว ถึงตอนนั้นรัฐบาลชุดนี้พ้นไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีภาคประชาชนดำเนินการยื่นต่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแน่