จาตุรนต์ประณามพวกหนุนทำรัฐประหารเป็นพวกทรยศ

ในปีนี้ปรากฎว่ามีญาติวีรชน นักการเมือง และบุคคลสำคัญ มาร่วมงานกันคับคั่ง เช่นนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นางสุนีย์ ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชน โดยทั้งหมดได้มาร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 34 รูป เพื่ออุทิศส่วนกุศล และรำลึกถึงเหล่าวีรชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 พร้อมกันนี้ยังมีพิธีทางศาสนา 3 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธ อิสลาม และคริสต์

จากนั้นญาติวีรชนและตัวแทนจากพรรคการเมืองเข้าร่วมงานสดุดีไว้อาลัย

โดยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวสดุดีเชิดชูเหล่าวีรชนว่าเป็นการเสียสละ เป็นการกระทำที่กล้าหาญ และแสดงออกถึงประชาธิปไตย ยืนยันว่าทาง กทม.จะให้ความร่วมมือสนับสนุนมูลนิธิ 14 ตุลา และองค์กรภาคประชาชนที่ดำเนินการเกี่ยวกับประชาธิปไตยอย่างเต็มที่และขอให้ประชาชนรุ่นหลัง ร่วมกันช่วยจรรโลงและรักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตย 

และนำอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจำลองสีดำมาวางไว้อาลัยที่หน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เช่น นพ.เหวง โตจิราการ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิฯ นางสุนีย์  กล่าวว่า การต่อสู้ของวีรชนเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แม้ขณะนี้ประชาธิปไตยจะยังไม่เต็มรูปแบบ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงออกว่าต้องการยึดอำนาจจากประชาชน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บทเรียนการต่อสู้จากเหตุการณ์ 14 ตุลา จะช่วยพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของไทยให้ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

และเชื่อมั่นว่าหลังการเลือกตั้ง สถานการณ์บ้านเมืองจะมั่นคงในระดับหนึ่ง แต่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายให้เกิดการปฏิบัติและบังคับใช้อย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ส่วนเหตุการณ์การเมืองในอนาคต เชื่อว่าไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถจัดตั้งพรรคการเมืองพรรคเดียวได้ และเชื่อว่า ปชป.ยังคงมีโอกาสในพื้นที่ภาคอีสานมากขึ้น พร้อมเชิญชวนให้ทุกพรรคการเมืองร่วมกันแสดงนโยบายของพรรคเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน
 
นายจาตุรนต์ กล่าวว่าตนขอประณามผู้สนับสนุนรัฐประหารว่าเป็นผู้ทรยศต่อวีรชน และหลักการ 14 ตุลา

การสนับสนุนรัฐประหารเป็นการบิดเบือนหลักการของประชาธิปไตยแม้จะมีรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พร้อมเรียกร้องให้มีการต่อสู้และแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
        
นายประพันธ์ศักดิ์ กมลเพชร อดีตผู้อยู่ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เชื่อมั่นว่า

อนาคตทางการเมืองไทยอันใกล้นี้ จะมีประชาธิปไตยเกิดขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และการเมืองในสังคมไทยจะมีความก้าวหน้า ความขัดแย้งที่มีในสังคมขณะนี้ของทุกกลุ่มการเมือง เป็นการแสดงถึงเอกลักษณ์ของแต่ละกลุ่มที่มีเสรีภาพความคิดด้านประชาธิปไตย และเห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสวยงาม นำมาสู่การปฏิรูป และพัฒนาการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง