เอแบคโพลล์ชี้1 ปีรัฐบาล "สุรยุทธ์" ดัชนีความสุขมวลรวมของคนไทยทรุดฮวบทุกเรื่อง แม้กระทั่งความเป็นธรรม ที่นายกฯ ประกาศจุดยืน ยังสอบตก พลังประชาชนจี้ กกต.จับตา "สนธิ" แทรกเลือกตั้ง "นพดล" เผย "แม้ว" เตรียมออกซีดีสอนเศรษฐกิจ
ภายหลังเผยแพร่ผลการสำรวจประชาชนเกี่ยวกับผลงานรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่สอบตกแทบทุกด้านไปแล้ว ล่าสุดเอแบคโพลล์ได้เผยแพร่ผลการสำรวจประชาชนเกี่ยวกับความสุขในชีวิต หลังรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ก็พบว่าทุกเรื่องมีคะแนนลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ศูนย์วิจัยเอแบคโพลล์มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับความสุขคนไทยในรอบ 1 ปีรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผ่านการรายงานดัชนีความสุขมวลรวม (Gross Domestic Happiness Index, GDHI) ของประชาชนภายในประเทศในช่วงเดือนกันยายน 2550 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนใน 21 จังหวัดของประเทศ จำนวน 4,885 คน ผลปรากฏว่า ความสุขของประชาชนเพิ่มขึ้นจาก 5.02 ในเดือนกรกฎาคม มาอยู่ที่ 5.94 ในเดือนกันยายน
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายนปีที่แล้วซึ่งเป็นเดือนที่มีการปฏิรูปการปกครองโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พบว่า ความสุขของประชาชนลดลงจาก 6.30 เหลือ 5.94 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
นายนพดลกรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีเคยกล่าวไว้ในวันรับตำแหน่งว่า จะบริหารประเทศโดยเน้นความผาสุกของประชาชนและความเป็นธรรมในสังคม มากกว่าตัวชี้วัดอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จากการวิจัยประเมินความสุขของประชาชนตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ความสุขของคนไทยลดต่ำลงมาโดยตลอด แม้แต่เรื่องความเป็นธรรมในสังคม ที่นายกฯ เคยประกาศเป็นวาระสำคัญของประเทศ แต่กลับไม่พบว่าการทำงานของนายกรัฐมนตรีทำให้ความสุขของคนไทยในเรื่องดังกล่าวสูงขึ้นแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเปรียบเทียบผลวิจัยครั้งล่าสุดในเดือนกันยายน ปี 2550 กับเดือนกันยายน ปีที่แล้ว พบว่าความสุขของคนไทยลดลงในเกือบทุกเรื่อง เช่น ความสุขของคนไทยต่อความเป็นธรรมในสังคม ลดลงจาก 5.80 เหลือ 5.47 และถ้านายกรัฐมนตรีไม่สามารถลดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนกรณีที่ดินเขายายเที่ยงแล้ว ยิ่งน่าเป็นห่วงต่อความรู้สึกนึกคิดของประชาชน เพราะความเป็นธรรมในสังคมไม่ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรม หากกรณีเดียวกันเกิดขึ้นกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไป คงโดนเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการไปนานแล้ว ดังนั้นนายกรัฐมนตรีควรรีบลดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนโดยเร็ว
นายนพดลกล่าวว่า นอกจากนี้ความสุขของคนไทยอีกหลายตัวลดลงเช่นกัน ได้แก่ ความสุขคนไทยต่อบรรยากาศของคนในครอบครัว ลดลงจาก 7.88 ในเดือนกันยายน ปีที่แล้ว เหลือเพียง 6.14 ในเดือนกันยายนปีนี้ ยิ่งล่าสุดมีข่าวในทางเสื่อมเสียต่อสถาบันครอบครัวไทย โดยเฉพาะข้าราชการชั้นสูงของหน่วยงานราชการต่างๆ และบุคคลต้นแบบทางสังคมคนอื่นๆ ด้วยแล้ว รัฐบาลชุดนี้น่าจะกลับใจอีกครั้งในการออกกฎหมายเสริมสร้างบรรยากาศที่เข้มแข็งให้ครอบครัวในสังคมไทย
เมื่อสอบถามความสุขของคนไทยต่อหน้าที่การงานและรายได้ก็พบว่าลดลงเช่นกัน คือ ลดลงจาก 7.18 ในเดือนกันยายน ปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 6.11 ในเดือนกันยายนปีนี้ นอกจากนี้ ความสุขคนไทยต่อสุขภาพกายลดลงจาก 6.56 เหลือ 6.07 ความสุขต่อสุขภาพใจลดลงจาก 6.22 เหลือ 5.84 ตามลำดับ และเมื่อสอบถามถึงระดับความทุกข์ของคนไทย พบว่า คนไทยที่ไม่มีความทุกข์เลยมีเพียงร้อยละ 4.7 เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นคนกลุ่มน้อยของสังคม ในขณะที่กว่าร้อยละ 90 ที่ยังคงมีความทุกข์ และเมื่อวิเคราะห์ค่าความทุกข์เฉลี่ยของคนไทยทั้งประเทศอยู่ที่ระดับ 4.67 จากคะแนนเต็ม 10 ถือว่าเป็นค่าคะแนนที่ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนทั่วไปยังคงมีความทุกข์และเป็นทุกข์ นายนพดล กล่าว
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคมกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ความสุขของประชาชนต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ กลับสูงขึ้นจาก 3.74 ในเดือนกรกฎาคม มาอยู่ที่ 4.88 ในการวิจัยครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า การที่รัฐบาลชุดปัจจุบันประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะให้มีการเลือกตั้งในปลายปีนี้ และการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจของกลุ่มบุคคลในคณะปฏิรูปน่าจะเป็นตัวช่วยที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัว ที่ทำให้ประชาชนมองภาพลักษณ์ของรัฐบาลชุดนี้และมีความสุขขึ้นได้บ้าง
นอกจากนี้ผลวิจัยยังพบว่า ความสุขของประชาชนต่อสภาพแวดล้อมสูงขึ้นจาก 3.88 ในเดือนกันยายน ปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 5.91 และความสุขต่อบรรยากาศภายในชุมชนสูงขึ้นจาก 5.16 มาอยู่ที่ 5.87



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว