พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (13 ต.ค.) ในรายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก"
ถึงกรณีระบุว่าเหตุการณ์ภาคใต้ดีขึ้นทั้งที่การก่อเหตุร้ายรายวันยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่า ตนอาศัยข้อมูลจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) สรุปเปรียบเทียบระหว่างปี 2549 กับ ปี 2550 ในเรื่องของความรุนแรงของเหตุการณ์ การวางระเบิด การกระทำต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมากๆ การใช้ความรุนแรงเช่นนั้นลดลง เปลี่ยนเป็นการใช้ปืนพก อาวุธสงคราม ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ และ ประชาชน เห็นได้ชัดว่า ความถี่ของเหตุการณ์ลดลง
สุรยุทธ์อ้างข้อมูลกอ.รมน. ก่อเหตุร้าย3จว.ใต้ลดลง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อถึงการควบคุมพื้นทื่ ควบคุมผู้ก่อเหตุร้าย ว่า ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้มากขึ้น
เพราะได้รับความร่วมมือในการให้ข้อมูลจากพี่น้องประชาชนมากขึ้น ยึดอาวุธสงครามได้มากขึ้น ตรวจค้นได้ตรงข้อมูลที่ได้รับ รวมทั้งมีหลักฐานชัดเจนว่า การกระทำที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือของทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่นที่มีการกล่าวหาในอดีต ทำให้ประชาชนเริ่มเห็นว่าต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ด้วย เหล่านี้เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจน
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันรัฐบาลไม่มีความเคลือบแคลงใจจากผู้นำมุสลิม หรือ ชาวบ้าน
ในเรื่องความจริงใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล โดยตนลงไปพบปะพูดคุยกับชาวบ้านด้วยตนเอง ทำให้ชาวบ้านทราบดีว่ารัฐบาลตั้งใจทำให้ประชาชนมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการลดปัญหาความรุนแรง ส่วนกรณีประชาชนในจังหวัดายแดนภาคใต้อาจมีความใกล้ชิดกับประเทศมาเลเซียมากกว่าประเทศไทยก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
เพราะในโอกาสข้างหน้าเมื่อกลุ่มประเทศอาเซียนลงนามในบทบาทของอาเซียน สภาพเช่นนี้จะเป็นไปเหมือนประเทศในยุโรปที่ไปมาหาสู่กันได้สะดวก หากปิดกั้นจุดนี้ โอกาสข้างหน้าจะเกิดได้ยาก ตนกับ นายอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พูดกันชัดเจน ว่า ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ในอนาคตจะไม่ใช่เฉพาะปัญหาของประเทศไทย แต่จะเป็นของประเทศมาเลเซียด้วย ดังนั้นต้องร่วมกันปัญหาภาคใต้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ทำงานอย่างใกล้ชิดตามแนวทางของอาเซียน