เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.แถลงผลงานในรอบ 1 ปีของ ป.ป.ช.ว่า
ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ป.ป.ช.มีเรื่องร้องเรียนการทุจริตที่ต้องดำเนินการ 14,441 เรื่อง ดำเนินการเสร็จไปแล้ว 8,822 เรื่อง เหลือค้างอยู่ 5,619 เรื่อง เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน มีบัญชีทรัพย์สินฯ ที่ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบทั้งสิ้น 47,873 เรื่อง ตรวจสอบเสร็จแล้ว 20,423 เรื่อง เหลืออยู่ 27,450 เรื่อง ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่ด้านการปราบปรามการทุจริต ป.ป.ช.จะเสนอแก้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เช่น การไม่ให้มีการนับระยะเวลาที่ผู้กระทำผิดหลบหนีในระหว่างถูกดำเนินคดี เป็นส่วนหนึ่งของการนับอายุความ การปรับ ปรุงวิธีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินฯ ให้สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินให้ได้มากขึ้น
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ของ ครม.ชุดปัจจุบัน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ของ ครม.ชุดปัจจุบันนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน และรอหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงรัฐมนตรีบางคนได้ส่งหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถสรุปผลได้ ส่วนการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีต่อ ป.ป.ช. ขณะนี้ยังไม่มีการยื่นมา ยังมีเวลาอีก 30 วัน นับตั้งแต่วันเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เมื่อถามว่า กรณีการจดทะเบียนสมรสซ้อน ป.ป.ช.จะดำเนินการตรวจสอบอย่างไร นาย กล้านรงค์ตอบว่า การจดทะเบียนซ้อนเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ตามกฎหมาย ป.ป.ช.จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ของตัวเอง คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คำว่าคู่สมรสหมายถึงคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย หากมีการจดทะเบียนสมรสซ้อน ก็ต้องวินิจฉัยว่าเป็นคู่สมรสตามกฎหมายหรือไม่