เสนาะ เย้ย ประชัย เป็นได้แค่นายก อบต.

นายเสนาะให้สัมภาษณ์ถึงแถลงการณ์ที่ระบุถึงพันธมิตรทางการเมืองว่า เราเป็นพันธมิตรกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่กลุ่มมัชฌิมาลาออกไป 50-60 คน จะส่งผลกระทบหรือไม่ นายเสนาะตอบว่า ไม่ใช่เลย ทุกอย่างตอนนี้โดยเฉพาะการเมืองยังไม่นิ่งทั้งนั้น ส่วนเรื่องตัวผู้สมัครจะได้ครบเมื่อไหร่นั้น ประชาราชเป็นพรรคใหม่ เหมือนกับรถ พอสตาร์ตเครื่องก็ไปได้เลย เพราะของเราใหม่แต่พรรค แต่คนของเรามีความพร้อม ในส่วนของการส่งผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อนั้นคงส่งครบทั้งหมด แต่เรื่องเขต บางพื้นที่อาจต้องมีการหลีกกันบ้าง ส่วนจะได้กี่ที่นั่งนั้น ตอนนี้การเมืองยังไม่นิ่ง ประเมินอะไรไม่ได้

เมื่อถามว่าในอนาคตจะมีผู้มีชื่อเสียงเข้ามาร่วมอีกหรือไม่

นายเสนาะตอบว่า ให้คอยดู เชื่อว่าจะมีผู้หลักผู้ใหญ่อีกหลายท่านที่จะมาช่วยกัน เมื่อถามถึงการทาบทาม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ มาร่วมงานในพรรค นายเสนาะตอบว่า ตอนนี้ยัง หลังจากที่ท่านปรารถนาดีที่จะเข้ามา แต่มีบางคนไปทำอะไรให้ท่านไม่สบายใจ หลังจากนี้คงได้คุยกัน 

ขณะที่นายฉลอง เรี่ยวแรง อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาราช ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ระบุว่าบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ล้วนแต่เป็นสัตว์เลื้อยคลานว่า ขอยอมรับว่าเป็นงูเห่าจริง แต่นายประชัยเวลานี้เปรียบเสมือนหนูที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง อีกหน่อยจะกลายพันธุ์ไปเป็นหมูที่จะถูกเชือดโดยไม่รู้ตัว เพราะไม่ทันเกมของนักการเมือง ที่ผ่านมานายประชัยถูกกลุ่มมัชฌิมาที่เข้ามาขออาศัยท้องพรรคประชาราช เกิดยุให้คิดไปว่าในเมื่อตนเองเป็นนายทุนของพรรคสมควรได้เป็นหัวหน้าพรรค และยิ่งมาเจอการหยอดคำหวานว่าจะได้เป็นนายกฯก็เลยไปกันใหญ่ ทั้งที่ความจริงแล้วนายประชัยเป็นได้เพียงนายก อบต. เพราะเท่าที่ดูจากนโยบาย มีแค่เรื่องการเกษตรเท่านั้นที่พอจะรับฟังได้

“ผมเป็นห่วงว่าท่านจะโดนพวกอำนาจเก่าหลอกใช้ กลายเป็นเหยื่อของนักการเมืองแล้วจะมาน้ำตาตกทีหลัง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นศึกแย่งชิงตัวนายทุนกันเท่านั้น เรื่องอย่างนี้กลุ่มมัชฌิมาเข้าใจดีถึงความสัมพันธ์ของนายเสนาะกับนายประชัย เลยยุให้แตกคอกัน ขอฟันธงเลยว่านายประชัยกับกลุ่มมัชฌิมาจะไปไม่รอด สุดท้ายแล้วคนที่น่าสงสารที่สุดคือนายประชัย”