เชือดบรรณวิทย์ เด้งฟ้าผ่า สอบวินัยร้ายแรง

สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การปรับโยกย้ายนายทหารประจำปี 2550 รวมทั้งได้ตำหนิการทำงานของ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ และ รมว.มหาดไทย รวมทั้งเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง และระบุว่าการที่ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน มารับตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เป็นการสืบทอดอำนาจนั้น 

ทำเนียบฯ แจกข่าวเด้ง “บรรณวิทย์”
 

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อตอนสายวันที่ 4 ต.ค. ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ ความว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 2 รายดังนี้ 1. พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม 2. พล.อ.ทสรฐ เมืองอ่ำ ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม เป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ตั้งแต่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2550 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี

ทางด้าน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ได้ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวที่รัฐสภาว่า ยังไม่ทราบถึงพระบรมราชโองการ แต่เราเป็นทหารก็ยินดีปฏิบัติตาม ไม่ว่าอยู่ตำแหน่งไหน ก็ทำงานได้ ทุกตำแหน่งมีความสำคัญ มีเกียรติเหมือนกัน เมื่อถามว่าคำสั่งโยกย้ายดังกล่าวมาจากการตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ตอบว่า ไม่ทราบ ขอให้สื่อมวลชนหาคำตอบให้ที

เมื่อถามว่ามองว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ตอบว่า

เป็นทหารจะอยู่ตำแหน่งไหน ก็จะทำงานเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ส่วนคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยจากกรณีที่ออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ โผโยกย้ายทหารนั้น ยังไม่ทราบถึงคำสั่งดังกล่าว ยืนยันว่าไม่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชา เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามองหรือไม่ว่ามีความผิดพลาดตรงไหนบ้าง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ตอบว่า ส่วนใหญ่งานที่ทำล้วนเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ บทบาทส่วนใหญ่จะอยู่ที่สภา ขณะที่ตำแหน่งทางทหารถือเป็นบทบาทตามปกติ ไม่ได้มีงานมากอะไร ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องผลประโยชน์ เพราะไม่เคยเป็นหัวหน้าหน่วย ส่วนการทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม เป็นการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารอย่างเต็มที่ เรื่องผลประโยชน์คงไม่ได้ เพราะเราไม่มีหน้าที่ให้คุณให้โทษกับใคร ไม่สามารถ ลงโทษใครได้ บทบาททั้ง 2 ส่วนนี้ต้องแยกกัน