เมื่อวันที่ 3 ต.ค. นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวในรายการบ่ายนี้มีคำตอบ
ในหัวข้อจับตาการเลือกตั้งไทยเพื่อประชาธิปไตยของบ้านเมืองว่า เมื่อกฎหมายลูก 3 ฉบับมีผลบังคับใช้ กกต.จำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 90 วัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีหรือเปลี่ยนรัฐบาลหรือไม่ ก็ต้องจัดการเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนด คาดว่าประมาณกลางเดือน ต.ค.กฎหมายลูกจะสามารถประกาศใช้ได้ โดยในวันที่ 4 ต.ค.นี้ กกต.จะบรรยายสรุปการเตรียมการเลือกตั้งให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ทราบ ขอเรียนว่า กกต.ไม่ได้มีความพร้อม 100% แต่ก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ระหว่างนี้ได้งบประมาณในการจัดการเลือกตั้งจากรัฐบาลแล้ว 1,900 ล้านบาท แต่เข้าใจว่าอาจต้องขอเพิ่ม เพื่อนำมาใช้ในการรักษาความสงบ และเพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้เจ้าหน้าที่ กกต.ประจำหน่วยกว่า 88,000 หน่วย
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า เมื่อมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องพรรคการเมือง ต่อไปการซื้อตัว ส.ส.เข้าพรรคการเมืองคงทำไม่ได้
รวมทั้งพรรคการเมืองต่างๆจะจ่ายเงินเดือนหรือเงินซอง ประจำเดือนเพื่อนำไปจ่ายเป็นภาษีสังคมเช่น งานบวช งานแต่ง ก็ทำไม่ได้อีกต่อไป เงินของพรรคการเมืองที่เคยอยู่ใต้ดินต้องมาอยู่บนดิน ส่วนการแบ่งสินบนนำจับการซื้อเสียงให้ผู้แจ้งเบาะแสครึ่งหนึ่งนั้น ถือเป็นทางออกหนึ่งที่แก้ปัญหาการซื้อเสียง เพราะต่อไปนี้คนที่รับเงินและผู้ให้เงินจะถือเป็นความผิดทั้งหมด แต่หากมีการ กลั่นแกล้งหรือแจ้งความเท็จกับฝ่ายตรงข้าม ผู้แจ้งความเท็จอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี และถูกดำเนินคดีอาญามีโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี ซึ่งเป็นโทษสูงกว่าการซื้อสิทธิขายเสียง