สถานการณ์ของรัฐบาลขิงแก่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการถ่ายโอนอำนาจทหาร นับว่าน่าหวาดเสียวยิ่ง เพราะโค้งนี้ไม่ใช่โค้งธรรมดา แต่เป็นโค้งหักศอก 90 องศา
ถ้า"โชเฟอร์" จับพวงมาลัยไม่นิ่งโอกาสจะแหกโค้ง หงายเก๋งมีสูงยิ่ง 3 เดือนที่นับจากนี้จะเป็นเวลาพิสูจน์ "โชเฟอร์" ที่ชื่อ"พล.อ.สุรยุทธ์จุลานนท์" ว่าจะฟันฝ่ามรสุมไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เพราะเมื่อวัดอุณหภูมิการเมืองที่รายรอบทำเนียบรัฐบาลอยู่พบว่าใกล้ถึง "จุดเดือด" เต็มแก่ เพราะต้องรับมือทั้ง"ศึกนอก" และ"ศึกใน" ไหนจะกลุ่มอำนาจเก่าที่ตั้งป้อมถล่มอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ไก่โห่ ยังมีเหล่า"มหามิตร" ที่กลับกลายเป็น"ศัตรูตัวฉกาจ" เมื่อเวลาการบริหารประเทศกระดืบๆไปพ้น 1 ปี เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า"เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด"
วันก่อน"พล.อ.สนธิบุญยรัตกลิน" ก็เอ่ยปากให้ได้ยินกันจะจะว่ากลุ่มที่จ้องจะล้มนายกฯ ส่วนหนึ่งมาจาก "สภานิติบัญญัติแห่งชาติ" ที่"คมช." แต่งตั้งมากับมือ
ขณะที่"พิภพธงไชย" อดีต1 ใน5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ระบุซ้ำเข้าไปอีกว่า ยังมี "ยามเฝ้าแผ่นดิน" และ"สมัชชาภาคอีสาน" อีก2 กลุ่มที่เดินหน้าขย้ำฤาษีอยู่ หลังจากนี้พลพรรคขิงแก่ต้องเผชิญกับคลื่นลมที่กรรโชกแรงจนถึงเลือกตั้ง ทั้ง "ศึกนอก" และ"ศึกใน" และที่ต้องประจันหน้าในเร็วๆคือ ศึกซักฟอก จาก "เพื่อนเก่า" ในสนช. นำโดย"น.ต.ประสงค์สุ่นศิริ" ที่สวมหมวก"ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญศึกษาและส่งเสริมการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมแก่นักการเมืองข้าราชการและประชาชน"