เด็ก ทรท.ชี้ ส.ว.ไม่ควรเลือกตั้ง แนะยุบทิ้งหลังปฏิรูปการเมือง
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุลโดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2549 01:59 น.
ทรท.ความคิดล้ำเลิศ เสนอยุบ ส.ว.-องค์กรอิสระ ทิ้งหลังปฎิรูปการเมืองเสร็จ ชี้ไม่ควรมีการเลือกตั้ง แนะยึดแบบผสมทั้งเลือก-แต่งตั้ง ส่วนเครือญาตินักการเมืองสงสมัครเยอะนั้น ระบุห้ามกันไม่ได้ อ้าง รธน.ชี้ช่องห้ามหาเสียง เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องอาศัยฐานคะแนนพรรคการเมือง ยันพรรคไม่มีเอี่ยวหนุนหลังใคร
วันนี้ (18 เม.ย.) นายลิขิต ธีรเวคิน ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย และอดีตนักวิชาการรัฐศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้ง ส.ว.ในวันที่ 19 เม.ย.และขณะนี้มีข้อเสนอว่าควรยุบ ส.ว.ทิ้งไปหลังการปฏิรูปการเมือง ว่า การเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งนี้มันไม่ง่าย เพราะการเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งนี้ต้องฟังเสียงประชาชนที่ค้ำอยู่ ฉะนั้น อย่าเพิ่งด่วนสรุปใดๆ ส่วนข้อเสนอหลังการปฏิรูปการเมืองให้ยุบการเลือกตั้ง ส.ว.นั้น ตนเคยเสนอมาตั้งแต่ต้นในช่วงที่เป็น ส.ส.ร.แล้วว่าไม่ควรมีการเลือกตั้ง ส.ว.เนื่องจากควรมี ส.ว.แบบผสม คือ แต่งตั้งและเลือกตั้ง และโดยหลักการนั้นหากมีการปฏิรูปการเมืองเกิดขึ้นควรต้องยุบองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองทิ้งทั้งหมด เพราะถือว่าประเทศไทยมีการปฏิรูปแล้วองค์กรต่างๆ ก็ควรหมดไป เพื่อเปิดทางให้องค์กรใหม่เกิดขึ้นมาทำหน้าที่แทน นอกเสียจากมีบทเฉพาะกาลว่าไม่ต้องยุบองค์กรเหล่านั้น
ส่วนการที่ญาติพี่น้องของนักการเมืองลงสมัคร ส.ว.ครั้งนี้มากมายที่อาจทำให้ ส.ว.ชุดหน้าขาดความเป็นกลางในการทำหน้าที่นั้น นายลิขิต กล่าวว่า การสมัคร ส.ว.นั้นกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามหาเสียง ทำให้ผู้สมัคร ส.ว.ต้องอาศัยฐานเสียงพรรคการเมือง ส่วนที่พูดกันว่าระบบญาติพี่น้องของนักการเมืองไปลงสมัครนั้น ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ เพราะทุกคนต้องอาศัยประโยชน์ที่จะทำได้ทั้งนั้น
ขณะที่ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย กล่าวเสริมในกรณีว่า ความคิดนี้ สามารถเสนอได้เมื่อมีคณะปฏิรูปการเมืองแล้ว คือ หลังแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 313 ในช่วงนั้นสามารถเสนอความเห็นนี้ไปให้พิจารณาและนำไปคิดกรอบการดำเนินการในขั้นต่อไป การเสนอให้ยุบ ส.ว.นั้นในความเห็นส่วนตัวไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องยุบ เพราะ ส.ว.มีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย และแต่งตั้งและถอดถอนองค์กรอิสระเท่านั้น ส่วนงานด้านๆ อื่นที่เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลและรัฐสภามันเป็นหน้าที่ของ ส.ส.
นายวิชิต ปฏิเสธว่า พรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เลย ว่า อยู่เบื้อหลังผู้สมัคร ส.ว.บางคนหรือที่เรียกกันว่าสภาผัวเมีย ยืนยันพรรคไม่เคยสนับสนุนผู้สมัครคนใดทั้งนั้น เพราะการเลือกตั้ง ส.ว.เป็นหน้าที่ของประชาชนในการคัดเลือกบุคคลไปทำหน้าที่ แม้ผู้สมัคร ส.ว.บางคนนามสกุลเหมือนกับ ส.ส.นั้น และอาจขาดความเป็นกลางในการทำหน้าที่นั้น ขอเรียนว่าบางครั้งนามสกุลเหมือนกันก็ยังอยู่คนละพรรคเลย
เช่น นายอภิสิทธิ์ และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เรื่องแบบนี้มันแล้วแต่ดุลยพินิจประชาชน ว่า ผู้สมัคร ส.ว.คนนั้นมีความสามารถ มีคุณสมบัติ มีความเป็นกลาง และน่าไว้วางใจหรือไม่ หากนำเรื่องสายสัมพันธ์มาวางไว้ตั้งแต่ต้นแล้วตัดสินเลยว่าขาดความเป็นกลางนั้นมันก็ไม่ใช่ อย่านำเรื่องแบบนี้เป็นตัวกำหนด การเลือก ส.ว.นั้นควรดูภารกิจและหน้าที่การงานของผู้สมัคร ส.ว.คนนั้นไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเหมาะสม และสมควรไปทำหน้าที่ให้บ้านเมืองหรือไม่ นายวิชิต กล่าว