ฟันธง"สมัคร"เป็นผู้นำฝ่ายค้าน
นายปริญญา กล่าวต่อว่า หากดูภาพรวมจะเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ได้แก้ไขเพื่อต้องการให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ให้รัฐบาลไม่เข้มแข็ง แต่ให้ฝ่ายค้านเข้มแข็งขึ้น ดังนั้น กติกาของเกมนี้ ก็คือ ใครได้เสียง 241 เสียง คนนั้นหรือพรรคนั้นก็จะได้เป็นนายกฯ ส่วนพลังประชาชนจะได้หรือไม่ยังฟันธงไม่ได้
“หากให้ผมวิเคราะห์ ตอนนี้การเมืองแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว คือ ขั้วรัฐบาลเดิมและขั้วฝ่ายค้านเดิม ซึ่งทั้งคู่ไม่มีใครที่จะได้เสียงถึง 241 เสียงแน่นอน น่าจะได้เสียง 150 ทั้งคู่ ซึ่งก็ยังขาดอีก 91 เสียง ซึ่งก็ต้องหามาจากขั้วที่ 3 และคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลที่คาดไว้ คือ ไม่ได้ทำให้เกิดนักการเมืองหน้าใหม่เกิดขึ้น แต่ทำให้ญาติพี่น้องนักการเมืองเดิมเข้ามา หากไม่ดูผู้สมัครของพรรคพลังประชาชนจะเป็นว่าผู้สมัคร ไม่เป็นพี่ก็เป็นน้องของผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ตอนนี้ขั้วที่ 3 จับกันไม่ติดเพราะหัวหายไป ซึ่งหากสถานการณ์ปกติขั้วที่ 3 จะมีอำนาจต่อรองทางเมืองสูงในการขอตำแหน่ง ซึ่งบทนี้พรรคชาติไทยเขาชอบและเล่นมาตลอด แต่ตอนนี้เขาเสียไปแล้วเพราะไปจับขั้วกับอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ปกติ คนก็ต้องมองว่าหากเลือกพรรคพลังประชาชนวิกฤติการณ์ย่อมเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าทหารจะออกมาอีกหรือไม่ ดังนั้น เชื่อว่าขั้วที่ 3 ที่แตกตัวออกมาจากพรรคไทยรักไทยจะต้องมาอยู่กับพรรคฝ่ายค้านเดิม และหากวิเคราะห์วันนี้เชื่อว่า พรรคพลังประชาชนจะต้องมาเป็นฝ่ายค้าน และนายสมัครก็ต้องมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน” นายปริญญา กล่าว
สรุปว่าในช่วงเลือกตั้งและหลังจากการเลือกตั้ง 30 วัน จะมีการฟ้องร้องกันอย่างมาก การเลือกตั้งจะวุ่นวาย และจะมะรุมมะตุ้มกันมาก ที่น่าสนใจ คือ ในเรื่องการซื้อเสียงนั้นแม้กฎหมายจะเข้มข้น ซึ่งมีผลก็คือ ทำให้อีกด้านก็กลัว แต่อีกด้านก็คิดว่าน่าจะซื้อ ซึ่ง กกต.จะเจอศึกหนักมาก